ACE มั่นใจปี 64 โตแกร่ง หลังบุ๊ครายได้ 4 โรงไฟฟ้าเต็มปี แย้มสนใจประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง

นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูทคลีนเอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในปี 64 จะเติบโตกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,057.73 ล้านบาท เนื่องจากจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าใหม่ จำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 33 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 26.9 เมกะวัตต์ ที่ได้ดำเนินการซื้อมาจาก บมจ.เอื้อวิทยา (UWC) เมื่อปีที่แล้ว และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน (MSW) ที่ได้ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.63 ซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มปีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 เป็นต้นมา

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักร และการควบคุมต้นทุนโดยรวมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรมากขึ้น ขณะเดียนกันก็มองการควบรวมกิจการ (M&A) โดยปัจจุบันบริษัทฯ ก็มีอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 3-4 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ ซึ่งการ M&A ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่ COD แล้ว เพื่อให้รับรู้รายได้ในทันที

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังสนใจเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง กำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ ที่จะเปิดให้ยื่นซองประมูลในเดือนเม.ย.นี้ (23-25 เม.ย.64) คาดว่าจะทราบผลได้ในช่วงไตรมาส 2/64 และไตรมาส 3/64 รวมถึงโรงไฟฟ้าขยะชุมชน กำลังการผลิตติดตั้ง 400 เมกะวัตต์ ซึ่งมีหลายพื้นที่ที่มีการออกประกาศ (TOR) บ้างแล้ว อย่างไรก็ตามกระบวนการเบื้องต้น พอได้สัญญาการรับซื้อขยะแล้ว ต้องรอทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศรับซื้ออีกทีหนึ่ง ถึงจะยื่นขอทำโรงไฟฟ้าขยะได้

ส่วนความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล VSPP คาดว่าไตรมาส 2/64 จะได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กลับคืนมา

“เรายังคงเป้าหมายกำลังการผลิตที่ 1,000 เมกะวัตต์ในปี 67 ซึ่งจะมาจากการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าชุมชน โรงไฟฟ้าขยะชุมชน ที่มองว่าจะออกมามากกว่านี้และมีอยู่ทุกจังหวัด, การ M&A และขยายการลงทุนไปในโครงการที่อยู่ในต่างประเทศ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมอยู่ที่ 245.91 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 200 เมกะวัตต์ คาดว่าปีนี้จะได้เห็นการก่อสร้างโครงการอีกค่อนข้างมาก “นายธนะชัย กล่าว

สำหรับการลงทุนในช่วง 2 ปี (64-65) วางเงินลงทุนไว้ที่ 14,000 ล้านบาท เพื่อใช้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือ 200 เมกะวัตต์ โดยแหล่งเงินลงทุนจะมาจากสินเชื่อของสถาบันการเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท และเงินทุนของบริษัท 4,000 ล้านบาท