ALT ชูโมเดลใหม่ “ธุรกิจดิจิทัล-พลังงานทดแทน” หวังบริหารเสี่ยงดันกำไรเพิ่ม
ALT ชูโมเดลใหม่ “ธุรกิจดิจิทัล-พลังงานทดแทน” หนุนกำไรเพิ่ม – บริหารความเสี่ยง
นางปรีญาภรณ์ ตั้งเผ่าศักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT เปิดเผยว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้วางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม อาทิ โครงข่ายใยแก้วนำแสง เสาสัญญาณสื่อสาร ช่องสัญญาณเชื่อมต่อระหว่างประเทศ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่สำคัญครบแล้ว
โดยปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมในการต่อยอดการเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อธุรกิจดิจิทัลและพลังงานทดแทน พัฒนาระบบสำหรับพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) เมืองอัจฉริยะ (Smart City) และแฟลตฟอร์มอัจฉริยะ (Smart ePlatform) เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีประสิทธิภาพในการดำเนินงานหรือบริการที่ดีขึ้น ด้วยต้นทุนที่ลดลง สามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนในการเข้าสู่ยุคดิจิทัล และสอดรับกับความต้องการของโลกในอนาคตด้วย
สำหรับธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ บริษัทผลิตสมาร์ทมิเตอร์ที่สามารถนำไปต่อยอดการให้บริการแก่การไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งเมื่อติดตั้งระบบของ ALT แล้ว การไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปจดมิเตอร์ตามบ้านอย่างเดิม โดยระบบจะส่งยอดการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าแต่ละบ้านเข้าระบบส่วนกลาง ซึ่งเมืองพัทยาได้นำไปใช้แล้วจำนวน 1 .2 แสนหลังคา นอกจากการให้บริการจะดีขึ้น ระบบยังสามารถป้องกันการเกิดไฟไหม้ ไฟฟ้าลัดวงจรได้อีกด้วย ซึ่งหากบ้านหลังไหนเกิดปัญหาเรื่องสายไฟหรืออุปกรณ์ชำรุด
ส่งผลให้ไฟฟ้าเกิดลัดดวงจร ระบบของบริษัทจะแจ้งเตือนไปยังส่วนกลางเชื่อมเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะสมาร์ทกริด (Smart Grid) สามารถตัดไฟได้ทันท่วงที ลดการเกิดความเสียหายทั้งด้านทรัพย์สินและชีวิต
นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ให้บริการติดตั้งระบบพลังงานทดแทนและสถานีชาร์จไฟฟ้าอีกด้วย ซึ่งการให้บริการติดตั้งพลังงานทดแทน หรือโซลาร์รูฟท็อป ให้กับผู้ประกอบการโรงงาน หรือธุรกิจเอสเอ็มอี ที่มีการใช้ไฟฟ้ามากจะช่วยให้เกิดการประหยัดค่าไฟฟ้าได้จำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีการใช้ไฟฟ้าต่อเดือนสูงเกิน 1 แสนบาทต่อเดือนขึ้นไป และหากไฟฟ้าเหลือจากการใช้ ในอนาคตก็ยังสามารถขายไฟฟ้าให้กับคนอื่นได้อีกด้วย
ทั้งบริษัทได้ทดลองติดตั้งระบบพลังงานทดแทนของโรงงานได้ผลลัพธ์ที่ดี จากเดิมที่เคยจ่ายค่าไฟเดือนละ 1 แสนบาท ปัจจุบันลดลงเหลือเพียงเดือนละ 5 หมื่นบาท คุ้มค่าสำหรับการลงทุน 2 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 3 ปี 3 เดือนเท่านั้น
ส่วนธุรกิจเมืองอัจฉริยะ Smart City บริษัทมีโครงการที่ดำเนินการร่วมกับภาครัฐในจังหวัดและเมืองต่างๆที่สนใจในตัวโมเดลธุรกิจนี้ สามารถสร้างความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับเมืองต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน
“การเปลี่ยนวิสัยทัศน์เป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานในครั้งนี้ เพื่อธุรกิจดิจิทัลและพลังงานทดแทน มุ่งเน้นในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน พร้อมร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นเลิศด้านเทคโนโลยีและเครือข่ายธุรกิจ พบว่าได้รับความสนใจเข้ามาจำนวนมาก เราจับกลุ่มลูกค้าขนาดกลาง เป็นกลุ่มโรงงาน และภาครัฐ มั่นใจว่าจะสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว กำไรเติบโต และกระจายความเสี่ยงได้ด้วย สามารถพลิกธุรกิจจากที่พึ่งพาด้านโทรคมนาคมเป็นหลักเหมือนที่ผ่านมา” นางปรีญาภรณ์ กล่าว