PRAPAT รุกหนักซักรีดครบวงจร เจาะคู่ค้าโรงแรม-รีสอร์ท วางเป้าปีนี้สร้างรายได้ 30 ลบ.

PRAPAT ลุย “One Ton Laundry” บริการซักรีดครบวงจร เจาะกลุ่มคู่ค้าโรงแรม-รีสอร์ท วางเป้าปีแรก (ปี 64) ลูกค้า 10 ราย สร้างรายได้ 30 ลบ. คาดปี 66 เพิ่มเป็น 30 ราย ทำรายได้ 45-90 ลบ.


นายวีระพงค์ ลือสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT เปิดเผยถึงแนวโน้มภาพรวมตลาดซักอบรีดอุตสาหกรรมปีนี้ว่า มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง เนื่องจากปัจจัยบวกที่ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยได้รับวัคซีนโควิด-19 ประกอบกับล่าสุดประเทศไทยโดยศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ หรือ ศบศ. ออกประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในเข้าพื้นที่ท่องเที่ยวหลักไทยได้แล้ว ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นไป โดยนำร่องที่จังหวัดภูเก็ต, กระบี่, พังงา, เกาะสมุย, พัทยา และเชียงใหม่ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทางศบศ. กำหนดก่อนที่จะเปิดประเทศเต็มรูปแบบต้นปี 2565

อย่างไรก็ตามบริษัทฯเชื่อว่าจากปัจจัยบวกดังกล่าว จะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวรวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น โดยโรงแรม, รีสอร์ทต่างๆจะเริ่มทยอยเปิดบริการเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวซึ่งจะทำให้กิจกรรมการซักผ้าในธุรกิจท่องเที่ยวมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตดังกล่าว บริษัทฯจึงได้เดินหน้าทำโปรเจกต์  One Ton Laundry ธุรกิจให้บริการซักรีดแบบครบวงจร ที่เน้นกลุ่มโรงแรม, รีสอร์ท ขนาดห้องพักไม่เกิน 100 ห้อง ใช้ผ้าไม่เกิน     1 ตัน หรือ 1,000 กิโลกรัม ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการควบคุมคุณภาพผ้าด้วยตนเอง และบริษัทฯจะเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ซักรีดและผลิตภัณฑ์ด้านซักรีดให้ ด้วยงบประมาณลงทุนเริ่มต้น 1.5 – 3 ล้านบาท

สำหรับลูกค้ารายแรกของโปรเจกต์  One Ton Laundry คือ โรงแรม แอทที บูทีค (@T Boutique Hotel) มีที่ตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองวาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อยู่ระหว่างการเจรจาอยู่ที่ 3 ราย ได้แก่ที่ จังหวัดราชบุรี , ที่หาดบางแสน ชลบุรี  และ ภูเก็ต ในขณะที่ทั้งปีนี้บริษัทฯวางเป้าอยากมีลูกค้าใหม่ในโปรเจกต์  One Ton Laundry รวมอยู่ที่ 10  ราย คิดเป็นรายได้ประมาณ 15-30 ล้านบาท และมีแผนขยายเป็น 30 รายภายในปี 2566 คิดเป็นรายได้ประมาณ 45-90 ล้านบาท

เชื่อว่าตลาดซักอบรีดอุตสาหกรรมในปีนี้ น่าจะมีการเติบโตใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งทั้งอุตสาหกรรมมีมูลค่า 1,654 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนโรมแรม ไซส์เอส (ห้องพักน้อยกว่า 50 ห้อง) 49%, โรมแรม ไซส์เอ็ม ( ห้องพัก 51-200 ห้อง) 16%, โรงพยาบาลรัฐ 11 %, โรงซักอุตสาหกรรม 9%,  โรงแรม ไซส์แอล (ห้องพักมากกว่า 200 ห้อง) 8% , โรงพยาบาลเอกชน 5% และโรงงานอุตสหกรรมอาหาร 2%  โดยโปรเจกต์ One Ton Laundry ที่เน้นเจาะกลุ่มโรงแรม, รีสอร์ท ขนาดห้องพักไม่เกิน 100 ห้อง จะมีส่วนทำให้บริษัทฯมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้นในอนาคตนายวีระพงค์ กล่าว

Back to top button