จัดกลยุทธ์ลงทุนรับมือ “โควิด” ระลอกใหม่! ชู 10 หุ้นเด่นกระทบจำกัด
จัดกลยุทธ์ลงทุนรับมือ “โควิด” ระลอกใหม่! ชู 10 หุ้นเด่นกระทบจำกัด
จากสถานการณ์ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่มีแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้น และมีการกระจายตัวสู่ใจกลางเมืองมากขึ้น รวมทั้งมีผู้เกี่ยวข้องหลายวงการ โดยเฉพาะวงการบันเทิง นอกจากนี้ยังเป็นการระบาดที่เกิดขึ้นก่อนช่วงหยุดยาวสงกรานต์ ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังสถานการณ์ไปจนถึงหลังสงกรานต์ ซึ่งความเข้มงวดของมาตรการควบคุมจากภาครัฐจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายหลังช่วงสงกรานต์ผ่านไปแล้ว
ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้มานำเสนอ โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลจากโบรกเกอร์ชั้นนำของไทย อาทิ บล.ทิสโก้,บล. คันทรี่ กรุ๊ป และ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี
โดยจากข้อมูลโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ให้เน้นการลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลบวกจากการกลับมาระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ในประเทศ และหุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจากการระบาด อาทิ STGT, STA, SYNEX,COM7,HANA,KCE,TQM,CPF,TU และ DELTA
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ดัชนีมีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ในกรอบจำกัด ให้น้ำหนักแกว่งซึมลง ถูกกดดันจากสถานการณ์ระบาดฯ ระลอกใหม่ที่กำลังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้น มีการกระจายตัวสู่ใจกลางเมืองมากขึ้น และมีผู้เกี่ยวข้องหลายวงการ โดยเฉพาะวงการบันเทิง
นอกจากนี้ยังเป็นการระบาดที่เกิดขึ้นก่อนช่วงหยุดยาวสงกรานต์ ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังสถานการณ์ไปจนถึงหลังสงกรานต์ ซึ่งความเข้มงวดของมาตรการควบคุมจากภาครัฐจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายหลังช่วงสงกรานต์ผ่านไปแล้ว แนวรับ 1570-75 (ทดสอบบริเวณนี้ มองมีโอกาสรีบาวด์) แนวต้าน 1590+/-
กลยุทธ์การลงทุน : ขึ้นทดสอบ 1600 หรือสูงกว่า แนะทยอยแบ่งขายล็อกกำไร แนะใช้กรอบ SET 1570-1620 ในการเทรดดิ้งสั้น ลงซื้อ-ขึ้นขาย เน้นหุ้น Laggard มีสตอรี่เฉพาะตัวหนุน / พอร์ต ลงทุน แนะถือ Let Profits Run แต่หาก SET เข้าใกล้1600 หรือสูงกว่า แนะทยอยแบ่งขายทำกำไร-ถือเงินสดเพิ่ม
ขณะเดียวกันแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการระบาดระลอกใหม่ STGT, STA, SYNEX, COM7, HANA, KCE ขณะที่หุ้นเสียประโยชน์ คือ หุ้นท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่าแนวโน้มดัชนีวันนี้แม้ตลาดหุ้นภูมิภาคจะยังหนุนและราคาน้ำมันค่อยๆ ฟื้นตัว แต่ด้วยความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดภายในรอบนี้กำลังจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นภาพเศรษฐกิจรอบใหม่ที่อาจจะหนุนให้เกิดแรงขายหุ้นในกลุ่มที่โตจากภายในออกมา จึงมองว่าช่วงสั้นนี้น่าจะมีแรงขายหุ้นออกทั่วกระดาน จนกว่าจะถึงการประกาศงบไตรมาส 1/64 มองแนวรับที่ 1565-1560 จุดและแนวต้านที่ 1585-1590 จุด แนะนำ HANA
Themes play : Speculative buy : แนะนำซื้อเก็งกำไร ระยะสั้นสำหรับหุ้นที่ได้รับผลบวกจากการกลับมาระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ในประเทศ และหุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจากการระบาด ซึ่งประกอบไปด้วย TQM,STGT,STA,CPF,TU HANA,KCE หลังจากที่มีรายงานผู้ติดเชื้อ COVID-19 ระลอกใหม่ในหลายคลัสเตอร์ในกทม. จนส่งผลให้รัฐบาลประกาศมาตรการคุมเข้มในพื้นที่เสี่ยงมากขึ้น
โดยมีรายงานการติดเชื้อจากหลายพื้นที่ทั้งสถานบันเทิง โรงเรียน โรงแรม ร้านอาหาร งาน motor show สนามเด็กเล่นในห้างสรรพสินค้า จนทำให้โรงเรียนหลายแห่งต้องประกาศปิดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวร้านอาหารหลายที่ต้องปิดชั่วคราวเพื่อทำการคัดกรอง ตรวจสอบและค่าเชื้อรวมไปถึงสำนักงานหลายแห่งก็เริ่มกลับมาทำงานที่บ้าน WFH กันอีกครั้ง
ดังนั้นเชื่อว่าในระยะสั้นตลาดอาจจะยังเผชิญกับแรงขายในหุ้นหลัก และหุ้น domestic play ที่เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศอย่างกลุ่มโรงแรม กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มร้านอาหาร กลุ่มบริการ กลุ่มสายการบินไปก่อน แล้วหันมาเก็งกำไร
ระยะสั้นในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดจำกัดหรือเป็นธุรกิจที่มีรายได้หลักมาจากต่างประเทศเป็นหลัก จนกว่าสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจะกลับมาลดลงกลับสู่ระดับปกติในระดับต่ำกว่า 100 คน/วัน
บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 สูงไม่ใช่จุดน่ากังวล โดยได้ทำการดูข้อมูลการตอบสนองของ SET INDEX ย้อนหลังเกี่ยวกับช่วงที่รัฐบาลประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 จำนวนที่สูงพบข้อมูลที่น่าสนใจคือ
(1) ช่วงวันที่ 19 ธ.ค. 2563 พบจำนวนผู้ติดเชื้อวันเดียวราว 576 คน และวันถัดมาที่ 382 คน นับเป็นสถิติการรายงานที่สูงสุดในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นผลให้ SET INDEX วันที่ 21 ธ.ค. 2563 เปิดลบ 54 จุด ก่อนจะลงไปปิดลบ 81 จุด
อย่างไรก็ตามปรากฏว่าวันนั้นเป็นจุดต่ำสุดและหลังจากนั้น SET INDEX ก็ค่อยๆแกว่ง Sideway Up ขึ้นไปได้ท่ามกลางการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันหลักร้อย
(2) ช่วงวันที่ 30 ธ.ค. 2563 สถานการณ์ COVID-19 เห็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงอีกครั้งราว 250 คนวันนั้น SET INDEX ปิดลบ 12 จุด จากนั้นก็เข้าสู่วันหยุดปีใหม่แต่ปรากฏว่าช่วง 1 ม.ค. 2564 รายงานผู้ติดเชื้อสูงอีกครั้ง 279 ราย 2 ม.ค. อีก 216 ราย และวันสุดท้ายก่อนเปิดทำการปีใหม่สูงถึง 315 ราย เป็นผลให้ SET INDEX ในวันเปิดปีใหม่เปิดลบทันที 22 จุด แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ทำจุดต่ำสุดเช่นกันหลังจากนั้น SET INDEX ค่อยๆแกว่ง Sideway Up ได้คล้ายครั้งก่อน
ทั้งนี้ในช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาด 2 รอบข้างต้นทำการศึกษาเพิ่มเติมว่าอุตสาหกรรมใดปรับตัวขึ้นโดดเด่นที่สุดพบว่า Electronics เป็นอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนดีสุดใน 2 รอบการระบาด ด้วยผลตอบแทน (-0.7%) ช่วง 21 ธ.ค. 2563 และ 7.5% ช่วง 4 ม.ค.2564
ส่วนผลตอบแทนหลังการแพร่ระบาด COVID-19 ทำการศึกษา 2 ช่วงเวลาด้วยกัน (1) 21 ธ.ค.-30 ธ.ค. 2563 (2) สิ้นปี 2563 ถึงปัจจุบัน พบว่าอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นเด่นทั้ง 2 ช่วงเวลาและให้ผลตอบแทนดีกว่า SET INDEX ได้แก่ การเงิน ธนาคารพาณิชย์ ปิโตรเคมี ชิ้นส่วนยานยนต์
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนที่มองคือระยะสั้นเน้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA HANA KCE) ส่วนการปรับฐานลงมาของ SET INDEX จากความวิตกการระบาดในอดีตที่ผ่านมาชี้การปรับฐานใช้เวลาไม่นาน ทั้งนี้แนะติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อประกอบการพิจารณาการลงทุนหากเร่งตัวเร็วและแรงจนกระทบต่อผลประกอบการอาจใช้เวลานานกว่าปกติ แต่จังหวะปรับฐานมองเป็นโอกาสสะสม การเงิน (MTC SAWAD) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ปิโตรเคมี (PTTGC IVL) ชิ้นส่วนยานยนต์ (AH SAT)รวมถึงท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) โดยยังให้น้ำหนักการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการกระจาย Vaccine มากกว่าการระบาด เชื่อท้ายที่สุดจะจบลงได้ด้วยดี
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน