“เอเซีย พลัส” มองผลงาน TU ไตรมาส 2 ฟื้น รับบาทอ่อน – หลายปท.ทยอยเปิดเมือง

“เอเซีย พลัส” มองผลงาน TU ในช่วงไตรมาส 2/64 ฟื้นตัว รับอานิสงส์บาทอ่อน - หลายประเทศทยอยเปิดเมือง


นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ราคาเป้าหมาย 20 บาท โดยคาดผลงานของ ในช่วงไตรมาส 2/64 จะกลับมาฟื้นหลังจากในช่วงไตรมาส 1/64 ผ่านช่วง Low season ไปแล้วในไตรมาส 1/64 และการที่สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักของ TU เริ่มคลี่คลายลง หลังจากมีการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนอย่างรวดเร็ว ทำให้การทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ในสหรัฐฯและยุโรปกลับมาเพิ่มมากขึ้น และทิศทางเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การบริโภคในสหรัฐฯและยุโรปฟื้นกลับมาได้เร็ว หนุนต่อการฟื้นตัวของธุรกิจ

ทั้งนี้ ประเมินว่าในไตรมาส 2/64 ธุรกิจส่งออกกุ้งและทูน่าจะเป็นปัจจัยหนุนหลักให้กับภาพรวมการฟื้นตัวกลับมาของ TU และตลอดทั้งปี 64 ซึ่งการรับรู้ผลขาดทุนจากธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster ในช่วงไตรมาส 2/64 จะเริ่มลดลงต่อเนื่อง หลังจากการควบคุมโควิด-19 และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทำได้ดีมาก ทำให้คนเริ่มกลับเข้ามาทานอาหารในร้านอาหารมากขึ้น อีกทั้งแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะช่วยส่งผลบวกต่อภาพรวมของผลการดำเนินของบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 2/64

ด้านนายเดชธนา ฟางสะอาด ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์รายย่อย บล.คันทรี่ กรุ๊ป มองทิศทางผลงานของ TU ในช่วงไตรมาส 2/64 จะเห็นการเติบโตมากขึ้นจากไตรมาส 1/64 โดยที่แนวโน้มของยอดขายกลุ่มสินค้าอาหารแช่แข็งจะกลับมาดีขึ้น จากการที่หลาย ๆ ประเทศในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป ได้เริ่มกลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง หลังจากการติดเชื้อโควิด-19 ชะลอตัว และมีการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น และทิศทางของราคาต้นทุนปลาทูน่าที่ค่อย ๆ ขยับเพิ่มขึ้น จะทำให้บริษัทมีโอกาสปรับราคาขายได้มากขึ้น ช่วยหนุนผลงานในช่วงไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ร้านอาหาร Red Lobster ในสหรัฐฯคาดว่าจะมีผลขาดทุนเข้ามาลดลง หลังจากที่สหรัฐฯเริ่มเปิดเมืองได้เต็มที่มากขึ้น ทำให้คนกลับมาทานอาหารในร้านอาหารมากขึ้น ส่งผลบวกต่อภาพรวมของผลการดำเนินของ TU ให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่

Back to top button