ดีเดย์ TIDLOR เทรดวันแรก! ลุ้นวิ่งทะลุ 44 บ. โบรกฯ ฟันกำไรโตกระโดด
"เงินติดล้อ" หรือ TIDLOR เทรดวันแรก! ลุ้นวิ่งทะลุ 44 บ. จากราคา IPO ที่ระดับ 36.50 บ. โบรกฯ ฟันธงทำผลงานดีเยี่ยม พอร์ตสินเชื่อพุ่ง หนุนกำไรโตกระโดด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 พ.ค.64) หลักทรัพย์บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ เป็นวันแรก ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 84,642.94 ล้านบาท สำหรับ TIDLOR เป็นบริษัทในกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ที่ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียน) ภายใต้ชื่อ “เงินติดล้อ” แบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามายาวนานกว่า 40 ปี
นอกจากนี้ TIDLOR มีธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยที่จำหน่ายแก่ลูกค้ารายย่อย ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อจำนำทะเบียนที่หลากหลาย ครบวงจร และช่องทางการขายและบริการที่ครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ณ ธ.ค. 2563 มี 1,076 สาขา ครอบคลุม 74 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ารายย่อยในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำรงชีพ
โดย TIDLOR มีทุนชำระแล้ว 8,580.24 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 3.70 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก 1,043.54 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุน 210.82 ล้านหุ้น หุ้นสามัญเดิมของ BAY 284.14 ล้านหุ้น และ Siam Asia Credit Access Pte. Ltd. (SACA) 412.47 ล้านหุ้น และจัดสรรหุ้นส่วนเกิน 136.11 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 36.50 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 38,089.31 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมูลค่าระดมทุน 7,694.81 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 84,642.94 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม
ด้าน นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR เปิดเผยว่า TIDLOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต โดยมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปขยายธุรกิจทั้งด้านสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและนายหน้าประกันภัย ใช้พัฒนาโครงสร้างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ปรับโครงสร้างเงินทุนโดยการชำระคืนหนี้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ TIDLOR มุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจนายหน้าประกันภัยสำหรับรายย่อย เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียของเงินติดล้อในทุกระดับ ด้วยความตั้งใจที่จะส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนให้เข้าถึงบริการทางการเงินอย่างเท่าเทียม โปร่งใส และเป็นธรรม
สำหรับ TIDLOR มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) BAY ถือหุ้น 30.00% 2) SACA ถือหุ้น 25.00% และ 3) UBS SECURITIES PTE LTD. ถือหุ้น 8.11% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากวิธีการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหุ้นสามัญของผู้ลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคา (Book building) คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E Raito) ที่ 35.03 เท่า โดยคำนวนจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ 1 ม.ค.63-31 ธ.ค.63) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 1.04 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ TIDLOR มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 20% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ หลังจากการหักภาษีและจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนด
ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า TIDLOR เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรายใหญ่ของไทย มีสาขา ณ สิ้นปี 2563 ที่ 1,076 สาขา และมีสินเชื่อสุทธิ ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท โดยมีจุดเด่นในด้านเทคโนโลยี ทั้งในด้านช่องทางการขายให้ลูกค้าผ่าน Facebook หรือแอปพลิเคชั่น “เงินติดล้อ” เป็นต้น
ทั้งนี้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564-2565 จะเติบโต 25.5% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 28.4% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิปี 2564-2565 จะเติบโต 13.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 17.7% เมื่อเทียบจากปีก่อน สอดคล้องกับ สมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อสุทธิปี 2564-65 ที่ 16.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 16.8% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว และการขยายสาขาต่อเนื่องอีก 500 สาขาในปี 2564-2566 และแนวโน้มรายได้ค่านายหน้าจากการขายประกันเติบโตต่อเนื่อง
โดยกำหนด Fair value ปี 2564 ของ TIDLOR เท่ากับ 44 บาท อิง PBV ที่ 4.7 เท่า โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่า TIDLOR มีศักยภาพในการเติบโตสูงในระยะยาว หลังจากเข้าระดมทุน IPO แล้ว จากการขยายสาขาต่อเนื่อง หนุนสินเชื่อเติบโตได้ในระยะยาว