“คันทรี่ กรุ๊ป” จัดทัพ 18 หุ้นเด่น แนะสะสมรอฟื้น ชู PTTEP – ILM ท็อปพิค

บริษัทหลักทรัพย์ “คันทรี่ กรุ๊ป” จัดทัพ 18 หุ้นเด่น แนะเข้าสะสมรอราคาฟื้นในช่วงครึ่งหลังของปี ชู PTTEP – ILM ท็อปพิค


บริษัท หลักทรัพย์คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ SET INDEX ในสัปดาห์นี้ โดยมองเคลื่อนไหวกรอบ 1,575 – 1,600 เนื่องจากเชื่อว่าการระบาด COVID-19 ในประเทศตลาดจะค่อยๆ ให้ความสนใจน้อยลงและตลาดจะให้น้ำหนักกับปัจจัยบวกในอนาคตมากกว่าสะท้อนจากในสัปดาห์ก่อนตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันก็อยู่ระดับราว 2,000 ราย +/- ซึ่งจะเห็นว่าตลาดไม่ได้ตอบรับเชิงลบใดๆ

ขณะเดียวกันในวันศุกร์พอมีรายงานว่าทาง Pfizer เตรียมส่งมอบ Vaccine ให้ไทยช่วงไตรมาส 3/64 SET INDEX ก็ปิดบวกได้ 0.8% พร้อมกับแรงหนุนจากหุ้น Domestic (ค้าปลีก สนามบิน และปิโตรเคมี) แต่อย่างไรก็ตาม หากเกิดกรณีเลวร้าย กล่าวคือตัวผู้ติดเชื้อต่อวันทำระดับ New High ระหว่างสัปดาห์อาจกดดันให้เกิดการปรับฐานได้

สำหรับเรื่องของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน มองว่าไม่มีผลกับการลงทุนมากนักเนื่องจากกลุ่มที่จะประกาศในสัปดาห์นี้กระจุกตัวอยู่ใน Domestic Play ต่อให้ออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ก็ยังเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการจากการระบาดรอบสาม แต่หากต่ำกว่าคาดก็มองว่าราคาหุ้น Domestic หลายตัวปรับฐานลงมาอยู่โซนล่างแล้ว

ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังค่อนข้างเป็นบวกแม้ในวันศุกร์สหรัฐจะรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาด แต่ตลาดเลือกให้น้ำหนักว่าจะส่งผลให้ FED ผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน หาก Domestic Play อาทิ ท่องเที่ยว (AOT AWC CENTEL MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO ILM TACC) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ศูนย์การค้า (CPN) ปรับฐานลงมาจะจากเหตุผลอันใดก็ตามแต่ อาทิ ผิดหวังผลประกอบการหรือระหว่างสัปดาห์รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูง ฝ่ายวิจัยแนะนักลงทุนระยะกลางใช้เป็นโอกาสสะสมเพื่อรอการฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนการลงทุนระยะสั้นยังมอง Global Play ปิโตรเคมี (IVL PTTGC SCC) น้ำมัน (PTTEP) เดินเรือ (PSL TTA)

PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 131 บาท) ระยะสั้นได้แรงหนุนจากข่าวท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ของสหรัฐถูก Hacker โจมตีหนุนการเกิด Supply Shock ระยะสั้น ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI เช้านี้แกว่งบวก 1% ถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัท ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/64 คาดจะเห็นการเติบโตจากปีก่อน หนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ๆ จากมาเลเซียกับอัลจีเรีย ขณะเดียวกันราคาขายก็ปรับตัวขึ้น

ILM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18 บาท) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ที่ 145 ล้านบาท (+23% จากปีก่อน +2% จากไตรมาสก่อน) ผลจากคุมค่าใช้จ่ายได้ดี โดย SGA&A / Sale ลดลงมาอยู่ที่ 33% จากไตรมาส 1/64 ที่ 36.5% อย่างไรก็ตาม รายได้รวมทรงตัว (-4% จากปีก่อน +1% จากไตรมาสก่อน) ตามการลดลงของยอดขายต่อสาขา

Back to top button