EVER โชว์กำไรไตรมาส 1 โต 135% กางแผนปี 64 ลุยเปิดตัวทาวน์โฮม – ขยายเฟสบ้านเดี่ยว
EVER เดินเกมปี 64 ขยายแนวราบเต็มสูบ ผุดทาวน์โฮม-ขยายเฟสบ้านเดี่ยว มูลค่ารวม 500 – 600 ลบ.
นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “เดอะโพลิแทน” ทำเลย่านสนามบินน้ำ ,โครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว แบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค/ซิลเวอร์เลค พาร์ค” “มายโฮม อเวนิว” และทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทฯยังให้ความสำคัญในการขยายโครงการแนวราบต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งถือเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จากกำลังซื้อที่แท้จริง เห็นได้จากยอดขาย ทาวน์โฮมแบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” และบ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” ในช่วงที่ผ่านมาที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่
“แม้จะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่บริษัทฯได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือ และออกมาตรการดูแลความปลอดภัยทั้งพนักงาน ผู้รับเหมา และลูกบ้าน เช่นเดียวกับปีก่อน อีกทั้งมีการใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ http://everland.co.th เพื่อกระตุ้นยอดขาย”
สำหรับแผนเปิดขายโครงการแนวราบในปีนี้ ประกอบด้วย ทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้ โครงการสุขสวัสดิ์ 30 – พุทธบูชา 4 จำนวน 98 ยูนิต มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท และการเปิดขายบ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” ในโครงการซิลเวอร์เลค พาร์ค เฟส 2 เพิ่มอีกจำนวน 27 ยูนิต มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท จากที่เปิดขายไปในปีก่อน 40 ยูนิต จากทั้งหมด 67 ยูนิต ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5-9 ล้านบาท
“เชื่อว่าในปี 2564 โครงการแนวราบยังเติบโตได้ดี เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่แท้จริง โดยโครงการที่อยู่อาศัยของเราเน้นความคุ้มค่า ขนาดของโครงการไม่ใหญ่มาก เพื่อให้ปิดการขายได้เร็วขึ้น รวมถึงการจัดโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นโครงการแนวสูง หรือแนวราบ โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากยอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีกว่า 3,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ถึงปี 2565” นายสวิจักร์ กล่าว
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564) บริษัทฯมีรายได้รวม 854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 410 ล้านบาท หรือ 92% เทียบปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 444 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 46.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.87 ล้านบาท หรือ 135% เทียบปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 19.87 ล้านบาท