PIMO เดินหน้าออกสินค้าใหม่-ขยายกำลังผลิต มั่นใจดันยอดขายปี 64 ตามเป้า 1 พันลบ.
PIMO เผยงบฯ ไตรมาส 1/64 กำไร 19.94 ลบ. ทรงตัวจากปีก่อนที่ 19.78 ลบ. กางแผนออกสินค้าใหม่-ขยายกำลังผลิตเพิ่ม มั่นใจดันยอดขายปี 64 แตะระดับ 1 พันลบ. ตามเป้า
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO เปิดเผยว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/2564 มีรายได้อยู่ที่ 224.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.19 ล้านบาท หรือ 21.11% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 185.60 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 19.72 ล้านบาท
ทั้งนี้เนื่องจากยอดขายทุกผลิตภัณฑ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ มอเตอร์แอร์ มอเตอร์ปั้มบ้าน มอเตอร์กำลังและมอเตอร์ปั้มน้ำ (Axial-Flux pool:BLDC) นอกจากนี้บริษัทฯ ยังส่งสินค้าออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา,ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ยุโรป (เช็ค,เนเธอร์แลนด์,ตุรกี),กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง (ดูไบ,การ์ตา,คูเวต,อิหร่าน),เอเชีย (ฮ่องกง,ญี่ปุ่น,มาเลเซีย,ศรีลังกา,อียิปต์,สิงคโปร์,บังคลาเทศ,ฟิลิปปินส์) และ CLMV (กัมพูชา,เวียดนาม,พม่า) คิดเป็นสัดส่วน 48% และจำหน่ายในประเทศ 52%
“ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงทุนในหุ่นยนต์ Automation จำนวน 5 ตัว และเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต 1 เครื่อง เป็นการเพิ่มโรบอทหยิบชิ้นงานในแผนกฉีดอลูมิเนียม 4 ตัว แผนกเครื่องพันลวดอัตโนมัติ 1 เครื่องและโรบอทเชื่อมผ่าแผนกเปลือก 1 ตัว
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมออกสินค้าใหม่ในปีนี้ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เครื่องสูบน้ำหอยโข่ง ภายใต้แบรนด์ Pioneer Motor ผลิตภัณฑ์ภาคอุตสาหกรรม 3 Phase 5 HP-20 HP และมอเตอร์พัดลม สำหรับลูกค้าต่างประเทศเพิ่มจาก 2 รุ่น เป็น 5 รุ่น” นายวสันต์ กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายกำลังการผลิต Variable Speed Motors สำหรับตลาดต่างประเทศ เพิ่มจาก 70 ลูก เป็น 120 ลูก และเพิ่มกำลังผลิตมอเตอร์ปั๊มน้ำใช้ในบ้านสำหรับผู้ใช้ในประเทศ 40% นอกจากนี้ยังลงทุนสร้างอาคาร Warehouse ใหม่ ขนาดพื้นที่ 3,019 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุน 23.1 ล้านบาท เพื่อรองรับสินค้าสำเร็จรูปรวมทั้งเก็บวัตถุดิบในการผลิต ลงทุนอาคารส่วนขยายกำลังผลิตมอเตอร์ AC และลงทุนติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ เพิ่มเติมตึก BLDC ด้วยงบลงทุน 8.3 ล้านบาท
ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าว่าไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าภาครัฐควรให้การสนับสนุนและส่งเสริม เพื่อให้ประเทศไทยมีความสามารถ เพื่อจะแข่งขันกับประเทศจีนหรือประเทศอื่นๆ ได้ทั่วโลก ซึ่งหากไม่เข้ามาส่งเสริมหรือสนับสนุนอาจจะไปแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ไม่ได้ ส่วนสถานการณ์โควิด-19 บริษัทฯ มีการติดตามอย่างใกล้ชิดและมีมาตรการดูแลแบบเข้มงวด ดังนั้นปัญหาเรื่องโควิด-19 จึงไม่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ และคาดว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ทำได้ 812.75 ล้านบาท