เปิด 30 หุ้น mai แรลลี่ยาว! 4 เดือนพุ่งกระฉูดเกิน 100% สวนภาวะตลาดฯ-พิษโควิด
เปิด 30 หุ้น mai แรลลี่ยาว! 4 เดือนพุ่งกระฉูดเกิน 100% สวนภาวะตลาดฯ-พิษโควิด
ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทย SET Index ในช่วง 4 เดือนแรกปี 2564 ยังเป็นขาขึ้น โดยเห็นได้จากดัชนียืนที่ระดับ 1449.35 จุด (ณ 30 ธ.ค.2563) มาอยู่ที่ระดับ 1583.83 จุด (ณ 30 เม.ย.2564) เพิ่มขึ้น 134.48 จุด หรือเพิ่มขึ้น 9.27% ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ระบาดหนัก
อย่างไรก็ตามครั้งก่อนทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นกลุ่ม SET50-SET100 ปรับตัวขึ้นในช่วง 4 เดือนและนำเสนอไปแล้ว
สำหรับครั้งนี้จะขอนำเสนอกลุ่มหุ้น mai ที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงในช่วงดังกล่าว โดยได้คัดเลือกมาทั้งหมด 30 อันดับ โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ราคาพุ่งแรงเกิน 100% โดยเทียบข้อมูลราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.2563-30 เม.ย.2564
ซึ่งหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวประกอบด้วย SAAM,KWM,KUN,TAKUNI,PJW,CIG,UMS,MPG,KCM,IMH,PPM, PROS,AIE,VL,ETE,PLANET,SPVI, IRCP,DHOUSE,PIMO,KK, UWC,ZIGA,AIRA,SONIC,DV8,K,THMUI,และADB มานำเสนอตามตารางประกอบและจะนำเสอข้อมูล 3 อันดับแรกดังนี้
สำหรับอับดับ 1 คือ บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAAM ธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจ ดังนี้ 1. จัดหาสถานที่ตั้งและให้บริการที่เกี่ยวข้องภายในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 2. พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อจำหน่าย 3. ลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
ราคาหุ้น4 เดือนแรก ปี 2564 ปรับตัวขึ้น 432.41 จากระดับ 1.08 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 มาอยู่ที่ระดับ 5.75 บาท ณ วันที่ 30 เม.ย.64 โดยนักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นขนาดเล็ก จนทำให้ตามตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องออกมาเตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังในการตัดสินใจซื้อขาย SAAM และให้บริษัทสมาชิกทุกรายกำกับดูแลการซื้อขายในหลักทรัพย์ SAAM อย่างเคร่งครัด ทำให้ที่ผ่านมาหลักทรัพย์ได้เข้าไปติดในมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 2 สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา
อันดับ 2 บริษัท เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ราคาหุ้น4 เดือนแรก ปี 2564 ปรับตัวขึ้น 359.81% จากระดับ 1.07 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 มาอยู่ที่ระดับ 4.92 บาท ณ วันที่ 30 เม.ย.64 เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นขนาดเล็ก และสัญญาณทางเทคนิคเป็นขาขึ้น อีกทั้งผลประกอบการบริษัทมีแนวโน้มสดใส
ล่าสุด KWM แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทฯมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 153.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.44 ล้านบาท หรือ 104.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 76.01 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 25.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.10 ล้านบาท หรือ 406.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.94 ล้านบาท
ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 (KWM-W1) จำนวนไม่เกิน 140 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราการจัดสรรเท่ากับ 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ มีอายุไม่เกิน 2 ปีนับจากวันที่ออก และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1หน่วยต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ1.50 บาทต่อหุ้น
โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ KWM-W1 (Record Date) ณ วันที่ 27 พ.ค. 2564 เพื่อจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันอังคารที่ 29 มิถุนายน 2564
อันดับ 3 บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN ราคาหุ้น4 เดือนแรก ปี 2564 ปรับตัวขึ้น 243.82% จากระดับ 0.89 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 มาอยู่ที่ระดับ 3.06 บาท ณ วันที่ 30 เม.ย.64 เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นขนาดเล็ก และสัญญาณทางเทคนิคเป็นขาขึ้น อีกทั้งผลประกอบการบริษัทมีแนวโน้มสดใส
ล่าสุด KUN แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 ทำสถิติใหม่อีกครั้ง โดยบริษัทฯมีรายได้รวมไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 189.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 161.85 ล้านบาท และกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 27.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137.76% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 11.51 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 2563 ในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 พ.ค.2564 เป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี
สำหรับในช่วงไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการที่จะสร้างรายได้ให้บริษัทในช่วงปลายปี 2564 คือโครงการ คุณาลัย พาร์โก้ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาทต่อยูนิต รวมจำนวน 96 ยูนิต ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้ สำหรับโครงการดังกล่าว จะพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ที่อยู่อาศัยรวมกัน 3 เจเนอเรชั่น (Gen) ในบ้านหลังเดียว และลูกค้าที่ต้องการบ้านที่ให้เนื้อที่รอบบ้านและพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น มั่นใจว่าจะได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากสินค้าขายดีของบริษัทที่เพิ่งปิดโครงการไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจภาพรวมผลประกอบการในปี 2564 จะเป็นอีกปีที่ดีของ KUN เนื่องจาก บริษัทฯ มีความพร้อม และความหลากหลาย ทางด้านสินค้าและยังมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมการอยู่อาศัยที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมีกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นจำนวนมากที่ช่วยแนะนำบอกต่อเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญ โดยปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายที่ 1,500 ล้านบาท และรายได้ทั้งปีโตประมาณ 10-15 % เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 799.64 ล้านบาท
ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน