“ฟินันเซียฯ” คาด XO ไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง หนุนกำไรทั้งปี 373 ลบ. อัพเป้าใหม่ 18 บ.

นักวิเคราะห์ “บล.ฟินันเซียฯ” ชี้ XO กำไรไตรมาสแรกดีกว่าคาด มองไตรมาส 2 โตต่อ หลังล็อกต้นทุนต่ำใช้ทั้งปี หนุนกำไรปี 64 ทะลุ 370 ลบ. ปรับเพิ่มราคาเป้าเป็น 18 บาท จาก 14.20 บาท แนะ “ ซื้อ”


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (17 พ.ค. 2564 ) หลังจาก บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1 /2564 ได้ 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.50% จากไตรมาสก่อน หรือ 123.40% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว แต่หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน ( FX Gain) 2 ล้านบาท จะมีกำไรปกติอยู่ที่ 103 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 21.20% จากไตรมาสก่อน หรือ 123.90% ของงวดเดียวกันกับปีก่อน โดยดีกว่าการคาดการณ์ 13% และทำจุดสูงสุดได้อย่างน่าประทับใจ

ทั้งนี้แม้ว่าจะยังเผชิญสถานการณ์เรือตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แต่บริษัทก็ยังสามารถบริหารจัดการและช่วยลูกค้าหาสายเรือจนสามารถส่งมอบสินค้าได้ทันเวลา ทำให้รายได้ในไตรมาสนี้ทำจุดสูงใหม่อยู่ที่ 352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.50% จากไตรมาสก่อน หรือ 29.40% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งฝั่งปริมาณและราคาขายซึ่งเติบโตดีมากที่ตลาดฝั่งยุโรป เพิ่มขึ้น 20.50% จากไตรมาสก่อน หรือ 33.70 % จากปีที่แล้วของงวดเดียวกัน ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทด้วยสัดส่วนรายได้ที่ 87% ของรายได้รวม

โดยอัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เช่นเดียวกันที่ 45.50% จาก 43.50% ในไตรมาส 4 / 2563 และ 33.70% ในไตรมาส 1 / 2563 มาจากการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น ทำให้ได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) และต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงสินค้าที่ขายเกือบทั้งหมดเป็นแบรนด์ของบริษัทเอง จึงทำให้มีมาร์จิ้นสูงกว่าการรับจ้างผลิต ส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 15.40% จาก 16% ของในไตรมาส 4/2563 และ 16.90% ของในไตรมาส 1/2563 โดยมีอัตรากำไรสุทธิที่สูงถึง 29.80% ถือเป็นระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอาหารเหมือนกัน

ส่วนสถานการณ์คำสั่งซื้อปัจจุบันยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจยังได้รับผลบวกจาก COVID-19 และพฤติกรรม New Normal ที่เชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังเลือกทำอาหารทานในบ้านและไม่ได้กลับมารับประทานอาหารนอกบ้านมากเท่าช่วงก่อน COVID-19 ในขณะที่ไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุนวัตถุดิบเพราะบริษัทได้ล็อกราคาพริก น้ำตาล กระเทียมไว้ล่วงหน้าในราคาต่ำตั้งแต่ปีก่อนและพอใช้ตลอดทั้งปี

สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 /2564 ยังคงสดใสใกล้เคียงกับ ไตรมาส 1 /2564 อยู่ที่ระดับ 100 ล้านบาท และมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อกำไรครึ่งปีหลัง 2564 ทั้งจากคำสั่งซื้อที่ยังทรงตัวสูง เรื่องปัญหาเรือเริ่มคลี่คลายและน่าจะได้เห็นผลของการสนับสนุนตัวแทนจำหน่าย (Distributor) ในช่วงครึ่งปีหลัง อาจทำกำไรได้ในระดับราวไตรมาสละ 85-90 ล้านบาท (เดิมเคยมองไว้เพียง 60-70 ล้านบาท)แต่ยังเป็นระดับมุ่งเน้นการรักษาเงินต้น (Conservative) ภายใต้สมมติฐานว่า COVID-19 จะคลี่คลายมากขึ้นในครึ่งปีหลัง 2564 และคำสั่งซื้ออาจอ่อนลงจากครึ่งปีแรก 2564 ที่สูงผิดปกติ เนื่องจากแนวโน้มกำไรครึ่งปีแรก 2564 ที่ดีกว่าคาดการณ์

ทั้งนี้ จึงได้ปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้ให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัทที่ 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน (เดิม 50% เทียบจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว) และปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 43% จากเดิม 40% จึงนำไปสู่การปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564 ขึ้น 20% คิดเป็น 373 ล้านบาท ( เพิ่มขึ้น 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) และ กำไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 24% คิดเป็น 392 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) ตามลำดับ

โดยกำไรไตรมาส 1/2564 คิดเป็น 28% ของประมาณการทั้งปี และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2564 ขึ้นเป็น 18 บาท จากเดิม 14.20 บาท (อิง PE เดิม 20 เท่า ) แนะนำซื้อ

Back to top button