“โบรกฯ” คาด RBF ไตรมาส 3 ออเดอร์พุ่ง รับธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มฟื้น หนุนกำไรปีนี้ 694 ลบ.

“บล.ฟินันเซียฯ” คาดว่า RBF กำไรปี 2564 แตะที่ 629 ล้านบาท หลังธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มฟื้นตั้งแต่ไตรมาส 2-3 เนื่องจากการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ลูกค้าออกสินค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น แนะ “ซื้อ” เป้า 23 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (17 พ.ค. 2564 ) หลังจาก บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/2564 เท่ากับ 75 ล้านบาท ลดลง 38.5% เทียบจากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 48.9% เมื่อเทียบงวดเดียวกันจากปีก่อน หากไม่รวมด้อยค่าโรงแรม 62.3 ล้านบาท และขาดทุนจากเครดิตที่คาดว่าจะเกิด (TFRS9) รวมกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Loss) จะมีกำไรปกติเท่ากับ 142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เทียบจากไตรมาสก่อนหน้า ลดลง 17.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันจากปีก่อน เท่ากับคาด(ฟินันเซียฯคาดไว้ที่ 141 ล้านบาท)

ทั้งนี้ แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นรวมจะต่ำกว่าคาดมาอยู่ที่ 39.6% (ฟินันเซียฯคาดไว้ที่ 40.2%) แต่เป็นผลจากธุรกิจโรงแรมที่ยังฉุดอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้เหลือเพียงไว้ 3 ล้านบาท คิดเป็น 265.7% หากพิจารณาจากกำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 40.8% ดีขึ้นจากเดิม 38.4% ในไตรมาสที่ 4/2563 และอยู่เหนือระดับที่ 40% เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท

โดยสถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจะถูกกระทบจากโควิด-19 รอบที่ 2 แต่บริษัทยังคงสามารถรักษารายได้อาหารให้มีการเติบโตต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 4.1% เทียบจากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ยังคุมค่าใช้จ่ายได้ดีทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ทรงตัวอยู่ที่ 20.3% จาก 20.4% ในไตรมาส 4/2563 และปรับขึ้นเล็กน้อยจาก 19.8% ในไตรมาส 1/2563

ขณะที่กำไรปกติไตรมาส 1/2564 คิดเป็นสัดส่วน 20% ของการคาดการณ์ทั้งปี นักวิเคราะห์ได้มองถึงกำไรต่ำสุดของปีในไตรมาส 1/2564 แล้ว คาดการณ์ว่ากำไรจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 2/2564 เนื่องจากไม่ต้องรับรู้ค่าเงินลงทุนของค่าโรงแรมอีก ในขณะที่เกิดธุรกรรมขายธุรกิจโรงแรมทั้ง 2 แห่งออกไป คาดว่าจะรับรู้กำไรจากการขายเล็กน้อยราว 15 ล้านบาท และรับรู้ขาดทุนดำเนินงานเหลืออีก 2 เดือน หรือขาดทุนราว 10ล้านบาทถึง12 ล้านบาท จากปกติขาดทุนไตรมาสละ 17 ล้านบาทถึง 18 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้จากการขาย Flavor กลิ่นเทอร์ปีนตั้งแต่เดือนเมษายน (มีลูกค้ามากกว่า 1 ราย) และคาดการณ์ว่ากำไรจะเติบโตขึ้นในไตรมาส 3/2564 ภายหลังไม่ต้องรับรู้ขาดทุนธุรกิจโรงแรมอีก

นอกจากนี้ยังคาดว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย กำลังซื้อสินค้าอาหารและเครื่องดื่มกลับกระเตื้องมากขึ้น และคาดการณ์ว่าลูกค้าจะทยอยผลิตสินค้าใหม่กันค่อนข้างมาก เนื่องจากถูกเลื่อนมาจากครึ่งปีแรกของปี 2564

โดยปีนี้บริษัทยังคงมีรายได้เติบโตขึ้น 10% – 15% เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากทั้งธุรกิจที่เป็นอาหารเคลือบ (Food Coating) ราว 15% เทียบงวดเดียวกันจากปีก่อนหน้า โดยอยู่ระหว่างเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานเกล็ดขนมปังที่เวียดนามและอินโดนีเซีย และธุรกิจ Flavor & Fragrance ราว 10% – 12% เทียบงวดเดียวกันจากปีก่อนหน้า คาดการณ์ว่าจะเติบโตตามการฟื้นตัวของอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการออกสินค้าใหม่ของลูกค้า

ทั้งนี้ “ฝ่ายวิจัย” ยังคงประมาณการณ์กำไรสุทธิของปี 2564 ไว้ที่ 629 ล้าบาท เพิ่มขึ้น 21.2% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า หากไม่รวมด้อยค่าโรงแรม คาดการณ์ว่าจะมีกำไรปกติปี 2564 อยู่ที่ 694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.8% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2564 ประมาณ 64.6% เทียบงวดเดียวกันจากปีก่อนหน้า (รวมธุรกิจกัญชง) และยังคงราคาเป้าหมายปี 2564 อยู่ที่ 23 บาท อิงจาก PEG 1 เท่า (หากไม่รวมกัญชงจะมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 21 บาท)

Back to top button