WP ส่งซิกครึ่งปีหลังสดใส! ธุรกิจก๊าซ LPG หนุน เสริมทัพ “ผลิต-ซ่อมถัง-โซลาร์รูฟท็อป”
WP มั่นใจครึ่งปีหลังโตเด่น รับอานิสงส์ธุรกิจก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนหนุนต่อ พร้อมลุย "ธุรกิจผลิต-ซ่อมถัง-โซลาร์รูฟท็อป" ล่าสุดคว้างานโซลาร์รูฟท็อป 2 โครงการ กำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ คาดรับรู้รายได้ Q4/64 ด้านธุรกิจอาหารรอเปิดสาขาใหม่ ช่วยสนับสนุนรายได้เพิ่มในอนาคต
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ หรือ WP เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งหลังปี 2564 มีสัญญาณฟื้นตัวดีกว่าในครึ่งปีแรก จากความต้องการใช้ก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มรายได้หลักของบริษัท โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการขายอยู่ที่ 60% ของยอดขายรวมของบริษัทฯที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยปีนี้บริษัทฯ จะเน้นสร้างการเติบโตจาก 3 ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ แบ่งเป็น ธุรกิจการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพและศักยภาพภายใน เพื่อสร้างกำไรเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซ LPG โดยมีแผนในการทำธุรกิจซ่อมและผลิตถังก๊าซของบริษัทในอนาคต ถือเป็นธุรกิจใหม่ที่สามารถลดความเสี่ยงด้านรายได้และสร้างการทำงานร่วมกัน (Synergy) กับธุรกิจเดิมได้เป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในการทำธุรกิจร่วมกัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้ลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) โดยร่วมกับพันธมิตร ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเข้าสู่ยุคใหม่ของธุรกิจพลังงาน โดยล่าสุดได้เซ็นสัญญาติดตั้งโซลาร์รูปท็อปทั้งสิ้น 2 โครงการ มีกำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ ด้วยงบลงทุน 45 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2564 และรับรู้รายได้เข้ามาทันที
ขณะที่ธุรกิจอาหาร อาจต้องรอจังหวะเปิดสาขาใหม่ของแบรนด์ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งคาดว่าเมื่อสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น ธุรกิจนี้น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว โดยคาดว่าธุรกิจอาหารจะมีกำไรมากกว่า 10% ของกำไรรวมของบริษัท และสร้างการเติบโตเป็น 20% ภายใน 5 ปี
“เราต้องยอมรับว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยรวมของกลุ่มบริษัทฯ โดยเฉพาะครึ่งปีแรก ซึ่งคงต้องดูว่าหลังจากที่เริ่มมีการฉีดวัคซีนในประเทศแล้ว จะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นไปในทิศทางใด แต่สิ่งที่บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้น คือ การขยายธุรกิจก๊าซ LPG ไปในภาคครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหาช่องทางในการสร้างรายได้ที่คาดว่าจะทำได้ควบคู่กับการลดต้นทุนต่างๆ ที่ไม่จำเป็นลง รวมถึงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งเพิ่มเติมให้กับการลงทุนที่มีในปัจจุบัน เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจต่อไปได้ในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง” นางสาวชมกมลกล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2564 (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564) ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 30.38 ล้านบาท ลดลง 10.21 ล้านบาท หรือ 25.16% อันเนื่องมาจากปริมาณการขายรวมของก๊าซ LPG ลดลง เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยปริมาณการขายที่ลดลงมาจากกลุ่มสถานีบริการก๊าซเป็นหลัก
ขณะเดียวกันยังมีค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10 ล้านบาท จากการสร้างและเปิดใช้คลังแห่งใหม่ (คลังก๊าซบางปะกง เฟส 3) เมื่อต้นปี 2564 เพื่อสนองนโยบายสำรองก๊าซของกรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งกำหนดให้เพิ่มการสำรองจาก 1% เป็น 2% โดยให้เริ่มเก็บสำรองดังกล่าวตั้งแต่ 1มกราคม 2564 (ปัจจุบันมาตรการดังกล่าวได้ถูกเลื่อนให้มีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2565)
ส่วนการก่อสร้างคลังบางปะกง เฟส3 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บสำรองในอนาคต ซึ่งส่งผลดีต่อการทำกำไรของบริษัทฯ หลังจากนโยบายการเพิ่มการสำรองมีผลบังคับใช้
อนึ่งบริษัทฯ ได้กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 16 อาคารอีสท์ วอเตอร์ ซอยวิภาวดีรังสิต 5 ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 2 เมษายน 2564 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าร่วมประชุม คือ วันที่ 1 เมษายน 2564