MBKET คงเป้า SET ปีนี้ 1,600 จุด แนะสะสม 5 หุ้นเด่น แนวโน้มกำไรโตแกร่ง!
“บล.เมย์แบงก์ฯ” คงเป้าดัชนี้ SET ปีนี้อยู่ที่ 1,600 จุด แต่ยังเผชิญการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งอาจจะเป็นการกดกำไรไตรมาส 2 โดยแนะสะสมหุ้น ASK, BCH, MTC, IVL, WICE เชื่อไตรมาส 2 ยังคงดีต่อเนื่อง รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET เปิดเผยว่า ยังคงเป้าหมายดัชนี SET ปีนี้อยู่ที่ 1,600 จุด แม้ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/2564 จะออกมาโดดเด่น แต่ไทยยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกใหม่ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะกดดันให้กำไรในไตรมาส 2/2564 ลดลงจากไตรมาส 1/2564
ทั้งนี้จะยังได้อานิสงส์จากฐานต่ำในปี 2563 จึงจะยังเห็นการฟื้นตัวได้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกันหรือเทียบกับไตรมาส 2/2563 โดยคงคาดการณ์กำไรรวมปีนี้ของบริษัทจดทะเบียนที่ 9.2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (SET EPS) ที่ 84 บาทต่อหุ้น และคงเป้าหมายดัชนีที่ 1,600 จุด อิงระดับ PE 19 เท่า (ค่าเฉลี่ย PE 5 ปี + 1.0 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีหลายบริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2564 ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาส หนุนราคาหุ้นปรับตัวขึ้น โดยเชื่อว่าหลายบริษัทยังมีศักยภาพของการเร่งตัวขึ้นของผลประกอบการได้อย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2/2564 ดังนั้นหากมีจังหวะย่อซึ่งแนะเป็นโอกาสในการทยอยสะสม ได้แก่ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK, บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH, บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน หรือ MTC, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL, บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE
ส่วนกำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/2564 เติบโต 129% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาสไตรมาส 1/2564 โดยพบว่ามีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 2.65 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น 46% จากไตรมาสที่ผ่านมา หรือ 129% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน ) ถือว่าเป็นไตรมาสที่กำไรรวมค่อนข้างโดดเด่น และบริษัทกว่า 80% รายงานกำไรออกมาดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มที่ผลประกอบการขึ้นกับเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก (Global Play) มีกำไรเติบโตที่โดดเด่น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรไตรมาส 1/2564 เติบโตได้ดีทั้งไตรมาสที่ผ่านมาและจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นำโดย พลังงาน, ปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์, ไฟแนนซ์ & หลักทรัพย์, เกษตรฯ, ประกัน, เหล็ก, บรรจุภัณฑ์, อิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์, รับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มสื่อ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังทำผลงานในช่วงไตรมาส 1/2564 ได้ไม่ดี (ลดลงจากไตรมาสก่อน , จากเดียวเวลาเดียวกันของปีที่ผ่าน หรือ ขาดทุน) ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว, ขนส่ง, ค้าปลีก, โรงพยาบาล และกองทุนอสังหาริมทรัพย์
โดย MBKET ระบุว่าจะเห็นได้ชัดเจนว่ากลุ่มที่กำไรขยายตัวดีส่วนมากจะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (Global Play) เช่น ภาคการส่งออก ในขณะที่ปัญหาโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Play) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องพึ่งพิงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ