NVD รับรู้ Backlog ปีนี้ 1.69 พันลบ.-ลุยตัดขายที่ดินบางส่วน เสริมสภาพคล่อง
NVD คาดรับรู้ Backlog ปีนี้ 1.69 พันล้านบาท พร้อมบุกตลาดการออนไลน์เต็มสูบ ตัดขายที่ดินบางส่วนเสริมสภาพคล่อง
นายจิรเดช นุตสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 ได้รับแรงกดดันจากการระบาดโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลให้ยอดผู้เยี่ยมชม (Walk)โครงการบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงสงกรานต์ในเดือนเมษายน และในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้ยอดขายปรับลดเช่นกัน ถึงแม้ยอดผู้เยี่ยมชมจะลดน้อยลง แต่บริษัทมองว่าลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมในช่วงสถานการณ์นี้เป็น Real Demand โดยบริษัทได้มีการทำการตลาดออนไลน์มากขึ้นเพื่อทดแทนยอดผู้ชมบริษัท เช่น ให้ลูกค้าสามารถจองการเยี่ยมชมแบบส่วนตัวผ่านทางออนไลน์ เป็นตัน หรือ Virtual tour
โดยบริษัทคงเป้าหมายพัฒนาโครงการที่เคยประสบความสำเร็จ และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความมีเอกลักษณ์ แต่จะทำโครงการในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น เพื่อพยุงสถานการณ์ของบริษัทท่ามกลางสถานการณ์การระบาดโควิดระลอก 3 ที่รับผลกระทบมากกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งแนวราบและแนวสูงอยู่ 1.69 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในสิ้นปี 2564 โดยโครงการแนวสูง (คอนโดมีเนียม) ได้แก่ โครงการ Condominium BANYAN TREE Residences Riverside Bangkok มี Backlog อยู่ที่ 568 ล้านบาท และโครงการ The Most – Itsaraphap มี Backlog อยู่ที่ 289 ล้านบาท
ส่วนโครงการแนวราบ เป็นโครงการ Nirvana BEYOND – Rama มี Backlog อยู่ที่ 101 ล้านบาท, โครงการ Nirvana BEYOND – Udonthani มี Backlog อยู่ที่ 15 ล้านบาท, โครงการ Nirvana BEYOND – Rama9-Krungthepkreetha มี Backlog อยู่ที่ 169 ล้านบาท, โครงการ Nirvana BEYOND – Bangna Att U Park มี Backlog อยู่ที่ 200 ล้านบาท, โครงการ ICON – Pinklao มี Backlog อยู่ที่ 42 ล้านบาท
อีกทั้งโครงการ Nirvana ELEMENT – Bangna มี Backlog อยู่ที่ 156 ล้านบาท, โครงการ Townhomes DEFINE – Srinakarin-Rama มี Backlog อยู่ที่ 100 ล้านบาท, โครงการ Home Offices @WORK – Ramintra มี Backlog อยู่ที่ 35 ล้านบาท, โครงการ @WORK – Ladprao-Kaset Nawamin มี Backlog อยู่ที่ 14 ล้านบาท ขณะที่Land Bank ปัจจุบันบริษัทมีอยู่ 295 ไร่ และมี Potential Project Value ที่ 36,500 ล้านบาท โดยที่ดินบางส่วนที่ได้มาจากการควบรวมกิจการ (M&A) จะมีการบริหารจัดการเพื่อพัฒนาเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ที่ดินที่ไม่พร้อมจะพัฒนาจะทำการขายออกไปบางส่วน เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นมา ขณะเดียวกันจะได้มีกระแสเงินสดที่จะเข้าลงทุนโครงการ โดยเฉพาะที่ดินกรุงเทพกรีฑาจะเริ่มทยอยพัฒนาได้ ซึ่งน่าจะเห็นในไตรมาส 2/2564 เป็นต้นไป สำหรับการถอนการลงทุนของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ไม่ส่งผลกระทบในเชิงการบริหาร แต่ส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินที่มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
ทั้งนี้ Land Bank ยังอยู่เหมือนเดิมจากปลายปีที่ผ่านมาบริษัททยอยพัฒนา คลัสเตอร์ใหญ่ที่เรามีคือกรุงเทพกรีฑาเกือบ 220 ไร่ ที่เป็นที่ดินพร้อมพัฒนาในปัจจุบัน และปัจจุบันสถานการณ์ Near Term ยังไม่พร้อมพัฒนา ซึ่งบริษัทจะทยอยขายออกมาบางที่ดิน ส่วนที่กรุงเทพกรีฑาจะพัฒนาเป็น Commercial บางส่วน
สำหรับโครงการบ้านแนวราบมียอดขายเกือบ 600 ล้านบาทในไตรมาส 1/2564 ที่สามารถสร้างยอดขายได้ดี คือ “Nirvana @WORK Home Offices” ที่รามอินทรา โดยมียอดขายและยอดโอนในไตรมาส 1/2564 อยู่กว่า 100 ล้านบาท โดยมาจากไลฟ์สไตล์แบบ New Normal ที่คนหันมาลดความเสี่ยงจากการทำงานในตึกที่มีบริษัทจำนวนมากรวมกัน ประกอบกับอยู่ในเส้นทางที่ใกล้รถไฟฟ้าสีชมพูที่กำลังดำเนินการสร้างอยู่ด้วย
ส่วนโครงการแนวสูง คอนโดที่สร้างยอดขายได้ดี คือ “Banyan Tree Residences Riverside Bangkok” โดยในไตรมาส 1/2564 มี Backlog 4 ยูนิต Transfers อยู่ประมาณ 300 ล้านบาท เหลือ Backlog 6 ยูนิต หลังจากไตรมาส 2/64 อีก 570 ล้านบาท และรายได้จากคอนโดโครงการใหม่ “The Most Issaraphap” ที่เริ่มทยอยโอนในไตรมาส 1-3/2564 นอกจากนี้ยังมีรายได้จากสัญญาก่อสร้าง (Construction Contracts) โดยมาจากการสร้างบ้านตามสั่งจากลูกค้า และมาจากการผลิตโครงสร้างสำเร็จรูป (Precast Structure) ด้วย