โบรกฯ มอง BCH ไตรมาส 2 โตต่อ! รับยอดตรวจ “โควิด” หนุน มั่นใจกำไรทั้งปี 64 แตะ 1.44 พันลบ.

“บล.เอเชีย เวลท์” คาด BCH ช่วงไตรมาส 2/64 โตต่อเนื่อง หนุนด้วยจำนวนผู้เข้ารับบริการตรวจโควิด-19 เพิ่มขึ้น พร้อมประเมินกำไรสุทธิปี 64 แตะ 1.44 พันลบ. แนะนำ “เก็งกำไร” โดยอัพเป้าใหม่ 22 บาท จากเดิม 19 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ต่อ บริษัท บางกอก เชน ฮอส ปิ ทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH โดยมีการคาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 เติบโตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า โดยยังมีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนผู้เข้ารับบริการตรวจคัดกรองโควิด-19 ที่คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าอย่างมีนัยยะ และจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นวงกว้างในช่วงเดือนเมษายน 2564 โดยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 สามารถตรวจคัดกรอง โควิด-19ได้ราว 128,000 คน ขณะที่คาดการณ์ว่าไตรมาส 2 ปี 2564 จะตรวจได้ราว 500,000 คน

นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมมือกับโรงแรม ASQ จำนวน 2,198 เตียง จำนวน 16 แห่ง อัตราการเข้าพัก 60% และ Hospitelจำนวน 3,421 เตียง จำนวน 16 แห่ง อัตราการเข้าพัก 40-50% และมีเตียง รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในโรงพยาบาลอีก 927 เตียง อัตราการเข้าพักเกือบ 100%

ทั้งนี้ทำให้ทางฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2565 เพิ่มขึ้น 8% และ 7% ตามลำดับ จากประมาณการเดิม โดยคาดกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 1,438 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และประเมินกำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 1,583 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งปัจจัยบวกมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนเมษายน 2564 ที่มีการแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยให้ประชาชนตรวจคัดกรองโควิด-19 มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้บริษัทควบคุม ค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และได้ประโยชน์จากการประหยัดเชิงขนาด

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทรายงานกำไรสุทธิ อยู่ที่ 324 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามนักวิเคราะห์ และตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,316 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นผลมาจาก

1.รายได้ผู้ป่วยทั่วไปเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสนับสนุนจากจำนวนผู้เข้ารับ บริการเกี่ยวกับโควิด-19 (บริการตรวจคัดกรองโควิด-19 ASQ และ AHQ) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ แม้จำนวนผู้ป่วยทั่วไปยังไม่กลับสู่ภาวะปกติโดยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 รายได้เกี่ยวกับโควิด-19 (ตรวจคัดกรอง COVID-19 ASQ และ AHQ) คิดเป็น 21% ของรายได้รวม

2.รายได้โครงการประกันสังคมเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน แม้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30.1% ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2563 ที่ 30.4% และไตรมาส 4 ปี 2563 ที่ 31.9% ตามลำดับ แต่อัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายอยู่ที่ 12.6% ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2563 ที่ 13.5% และไตรมาส 4 ปี 2563 ที่ 15.7% ตามลำดับ

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเลื่อนการเปิดโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์เป็นไตรมาส 3 ปี 2564 (จากเดิมไตรมาส 2 ปี 2564) เนื่องจากมีการประกาศล็อกดาวน์ประเทศในประเทศลาว ทั้งนี้บริษัทเตรียมความ พร้อมสำหรับการกระจายวัคซีนทางเลือก โดยคาดการณ์ว่าจะนำเข้ามาได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 ขณะที่รอความชัดเจนเรื่องราคาอีกครั้ง ปัจจุบันบริษัทรับจ้างฉีดวัคซีนให้กับหน่วยงานรัฐ และองค์กรเอกชนต่าง ๆ

อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยบวกไปบ้างแล้ว ส่งผลให้เหลือ (ส่วนต่างราคาที่เหมาะสม) มี Upside 8.4% จึงแนะนำ “เก็งกำไร” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 22 บาท จากเดิม 19 บาท

Back to top button