โบรกฯ อัพเป้า CK ใหม่ 22 บ. สะท้อนธุรกิจขาขึ้น ลุ้นสิ้นปี Backlog แตะแสนลบ.

โบรกฯ อัพเป้า CK ใหม่ 22 บ. สะท้อนธุรกิจขาขึ้น ลุ้นสิ้นปี Backlog แตะแสนลบ. มองมีโอกาสคว้างานใหม่ต่อเนื่อง มองผลงานบริษัทลูกเติบโตแกร่ง หนุนส่วนแบ่งรายได้เพิ่ม


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวข้องกับหุ้นบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK หลังนักวิเคราะห์จากหลากหลายสำนักมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงปี 2564 คาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น พร้อมคาดว่า CK จะได้รับงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุนงานในมือ (Backlog) กลับขึ้นสูงระดับแสนล้านบาทอีกครั้ว

โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พ.ค.) ว่า CK เชื่อมั่น Backlog เร่งขึ้นแตะแสนล้านบาทในปลายปีนี้ ผลักดันด้วยการตั้งเป้ารับงานเพิ่มรวม 2.98 แสนล้านบาท จากรถไฟทางคู่เฟส 2, รถไฟฟ้าม่วงใต้, สายสีส้ม และโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง ซึ่งคาดมีความชัดเจนทั้งหมดในปีนี้ โดยล่าสุดจับมือกับ STEC เสนอราคาต่ำสุดใน 2 สัญญาของทางคู่เด่นชัย หนุนภาพ New S-curve รอบใหม่ของธุรกิจรับเหมาชัดเจนขึ้น

อย่างไรก็ดีโครงการใหม่ที่จะรับรู้อย่างมีนัยตั้งแต่กลางปี 2565 ทำให้ปี 2564 แนวโน้มรายได้ก่อสร้างทรงตัวไม่สูง แต่ได้แรงหนุนจาก CKP ที่เติบโตตามปริมาณน้ำมากขึ้น และ BEM ที่ได้รับผลกระทบ COVID น้อยกว่ารอบแรกก่อนจะดีขึ้นในครึ่งปีหลังปี 2564

ทั้งนี้คงประมาณการกำไรปกติปีนี้เพิ่มขึ้น 141% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 22 บาท ด้วยวิธี SOTP จากการปรับ Valuation ของธุรกิจรับเหมาขึ้น เป็นอิง EV/EBITDA ที่ 10 เท่า  ซึ่งใกล้เคียงกับ STEC สะท้อนการรับงานใหม่หนุนวัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่ที่ชัดเจนขึ้นและงานที่ตั้งเป้ารับใหม่ที่จะรับรู้อย่างมีนัยตั้งแต่กลางปีหน้า โดยราคาเหมาะสมใหม่คิด Implied PBV ปี 2564 ที่ 1.4 เท่า ใกล้เคียงกับระดับในกลางปี 2555 ที่เป็นช่วงเร่งรับงานใหม่ก่อน Backlog ขึ้นเป็นแสนล้านบาทในปลายปี

ขณะที่ประเมินผลประกอบการในไตรมาส 2/64 พลิกเป็นกำไรได้จากบันทึกปันผลรับ TTW และส่วนแบ่งกำไรจาก CKP ยังแนะนำ “ซื้อ” CK โดย Key Catalyst คือความคืบหน้าประมูลสายสีม่วงใต้และสายสีส้มที่จะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อราคาหุ้น

ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (27 พ.ค.) ว่า แนวโน้มงานในมือ CK มีทิศทางดีขึ้น ล่าสุดได้รับงานราคาต่ำสุด 2 สัญญาย่อย-รถไฟฟทางคู่-เด่นชัย คาดมูลค่างานตรามสัดส่วน 2.5 หมื่นล้านบาท และเซ็นงานอุโมงค์ 4.6 พันล้านบาท ล่าสุดงานในมือน่าจะ 5.9 หมื่นล้านบาท จากต้นปีที่ 2.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่มีลุ้นงานรถไฟฟ้าสายสีม่วง 4.7 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสีส้ม 1.2 แสนล้านบาท และงานโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง 8.5 หมื่นลบ. คาดงานในมือปีนี้จะไต่ระดับเกิน 1 แสนล้านบาท

ขณะที่รายได้จะฟื้นตัวในปี 2565 จากระดับต่ำในปีนี้ นอกจากนี้ CKP ทำกำไรดีขึ้นจากระดับน้ำสูงขึ้นกว่าปีก่อน BEM กลับมาช่วงครึ่งหลังปี 2564 จากคาดหมายการเปิดเมือง ส่วน TTW ยังเติบโตมั่นคง โดยรวมกำไรและบริษัทร่วมฟื้นตัวกลับมาในช่วงปี 2565 ทั้งนี้ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 22 บาท

ส่วน บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ คงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CK และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 21 บาท (เดิม 19 บาท) อิง SOTP ตามการปรับมูลค่าธุรกิจก่อสร้างขึ้นจากการปรับสมมติฐาน Terminal growth ขึ้นเป็น 2% (เดิม 1%) ใกล้เคียงคาดการณ์เฉลี่ย GDP ปี 2563-2565 กรณี base case ของ ธปท. เนื่องจากมองว่า backlog ของบริษัทเตรียมเข้าสู่ S Curve ใหม่อีกครั้ง หนุนโดยการเร่งผลักดันโครงการขนาดใหญ่ที่ค้างท่อของรัฐ

โดยมีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ มีประเด็นสำคัญดังนี้ 1) บริษัทคาดหวังจะได้รับงานใหม่ราว 3 แสนล้านบาท โดยหากไม่รวมสายสีส้มจะอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท (เทียบกับ backlog ปัจจุบันที่เพียง 3.1 หมื่นล้านบาท) ได้ปัจจัยหนุนทั้งจากทางคู่เด่นชัยฯ ซึ่งบริษัทได้เป็น lowest bidder แล้ว 2 สัญญา, โรงไฟฟ้าหลวงพระบางของ CKP, และสายสีม่วงใต้ที่จะเปิดประมูลในไตรมาส 2 ปี 2564 ถึงไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งบริษัทมีโอกาสได้งานสูงมาก

รวมทั้ง 2) ปัจจุบันยังไม่มีการระบาดหนักของ COVID19 ในแคมป์คนงานบริษัท และเชื่อว่าจะไม่กระทบ progress งาน, และ 3) มองว่าราคาเหล็กที่ปรับตัวขึ้นยังไม่ส่งผลกระทบมาก เนื่องจากงานเก่าส่วนใหญ่ผ่านเฟสที่ต้องใช้เหล็กเยอะและมีการสต็อกไว้ล่วงหน้าแล้ว นอกจากนั้นยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2564 ที่ 882 ล้านบาท อยู่ในทิศทางฟื้นตัวสูง เพิ่มขึ้น 125% เมื่อเทียบจากปีก่อน ขณะที่ประเมินโครงการทางคู่เด่นชัยฯ จะเป็น upside ต่อกำไรปี 2565 อย่างน้อยเพิ่มขึ้น 5%

ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ่น และ outperform SET +12% ในช่วง 1 เดือน จากข่าวกลุ่ม CK และ STEC เป็น lowest bidder การประมูลทางคู่เด่นชัยฯ จาก 2 ใน 3 สัญญา ซึ่งบล.เคทีบีเอสที ยังคงชอบและแนะนำ “ซือ้ ” CK จากแนวโน้ม backlog ที่ใกล้กลับสู่ช่วงขาขึ้น และคาดจะสามารถอยู่ในระดับสูงได้อย่างน้อย 5-6 ปี นอกจากนี้ประมาณการของบล.เคทีบีเอสที ยังมี upside จากโครงการทางคู่เด่นชัยฯ อย่างน้อย 0.30 บาท/หุ้น

Back to top button