AS ยันเป้ารายได้ปีนี้โต 15-20% รับแผนเปิด 6 เกมใหม่-เล็งขยายตลาดนอกอาเซียน
AS ยันเป้ารายได้ปีนี้โต 15-20% รับแผนเปิด 6 เกมใหม่-เล็งขยายตลาดนอกอาเซียน
นาย กิตติพงศ์ พฤกษอรุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AS นำเสนอข้อมูลภาพรวมธุรกิจบริษัทและสรุปผลประกอบการไตรมาส 1/2564 สิ้นสุด 31 มี.ค.2564 รวมทั้งแผนธุรกิจในปี 2564 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 28 พ.ค.2564
สำหรับ AS เป็นผู้ให้บริการด้านความบันเทิงออนไลน์ โดยมุ่งเน้นการให้บริการเกมออนไลน์ และเกมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งจัดจำหน่ายเกมพีซี
โดยผลประกอบการในไตรมาส 1/64 จากการรับรู้รายได้ของการเปิดตัวเกม Mohun ในประเทศมาเลเซียเมื่อปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้บริษัทสามารถทำรายได้จากการขายและบริการที่ 429.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่มีรายได้ที่ 189.9 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทมีโครงสร้างรายได้จากในประเทศ 26% ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่ 53% และจากต่างประเทศอีก 74% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่ 47% แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากเกมบน PC อยู่ที่ 96% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนอยู่ที่ 79% และรายได้จากเกมบนโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ 4% ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนอยู่ที่ 21%
ด้านกำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นที่ 94.6 ล้านบาท ด้านอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 58% เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน
ส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ในไตรมาส 1/64 บริษัทสามารถลดค่าใช่จ่ายอยู่ที่ 106.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 104.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/64 มองว่าไม่มีอะไรน่ากังวล เนื่องจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก และยอดผู้เล่นเกมในไตรมาสนี้ยังทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมเปิดตัวอีก 6 เกมในครึ่งปีหลังด้วย
ทั้งนี้บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้เติบโตที่ 15-20% และยังอยู่ระหว่างการศึกษาการขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซีย และประเทศนอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ อาเซียน เช่นประเทศอินเดียด้วย
สำหรับแผนเปิดตัวเกมใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 รวมทั้งหมด 6 เกม โดยจะมีการเปิดตัวเกมบน PC ในประเทศสิงค์โปร์ และมาเลเซียทั้งหมด 2 เกม คือเกม Gujian และ New Wulin ส่วนเกมบนโทรศัพท์มือถือจะมีการเปิดตัวทั้งหมด 4 เกม คือ 1.เกม Real Yulgang จะมีการเปิดตัวในประเทศไทย และประเทศเวียดนาม โดยจะมีการเปิดตัวเกมเพื่อทดลองตลาดในไตรมาส 2/64
2.เกม Cabal จะมีการเปิดตัวในประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศเวียดนามในไตรมาสที่ 3/64 3.เกม Tera Classic จะมีการเปิดตัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในไตรมาสที่ 4/64 และ 4.เกม Huang Yi Mobile โดยล่าสุดได้มีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวในประเทศไทยช่วงปลายปี 64 นี้ นอกจากนี้ยังมีแผนการเปิดตัวเกมบน PC ในประเทศเวียดนามเพิ่มอีก 2 เกม คือเกม Nine Dragons และ Swords of Legends
ด้านความคืบหน้าเรื่องการลงทุนในประเทศเวียดนาม หลังจากการประชุมบอร์ดในวันที่ 14 พฤษภาคม 64 ที่ผ่านมา ได้มีมติการลงทุนในบริษัท CONG TY TNHH CHAU A MEM (CAM) ประเทศเวียดนามมูลค่าประมาณ 37.8 ล้านบาท
โดย CAM จะออกหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 49% เพื่อเป็นการขยายธุรกิจในเวียดนามอย่างเต็มตัว ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นเอกสาร และคาดว่าจะลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/64 หรือเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ สำหรับ CAM เติบโตโดดเด่นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาและคาดว่าจะเติบโตเด่นต่อเนื่องในอนาคต
สำหรับตลาดเกมทั่วโลกในปี 64 มีแนวโน้มลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน โดยมีรายได้อยู่ที่ 175.8 พันล้านเหรียญ จากการระบาดของโควิด-19 ส่งปัจจัยบวกที่ทำให้คนเล่นเกมที่บ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อผู้พัฒนาเกมทำให้ไม่สามารถทำงานตามปกติได้นั้น ก็ส่งผลให้แผนการพัฒนาเกมไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะเกมคอนโซล และเกม PC
ทั้งนี้ยังรวมถึงปัญหาการขาดแคลนชิป ประกอบกับทาง Apple จะมีการถอด Identifier for Advertisers (IDFA) ซึ่งจะส่งผลให้การทำโฆษณาเกมบน Facebook ลำบากขึ้น จึงคาดว่าการเปิดตัวเกมใหม่ๆ จะถูกเลื่อนออกไป อย่างไรก็ตามเทรนด์ของตลาดเกมยังดียู่ โดยในปี 66 ตลาดเกมจะมีการเติบโตเฉลี่ยที่ 7.2% ทำให้รายได้มีการเติบโตกว่า 200 พันล้านเหรียญ โดยเกมบนโทรศัพท์มือถือจะเห็นการเติบโตมากที่สุด