SMD เคาะขายไอพีโอ 7.20 บ. เปิดจองซื้อ 9-11 มิ.ย. ก่อนลุยเทรด 17 มิ.ย.นี้

“เซนต์เมด” หรือ SMD เคาะราคาขาย IPO ที่ 7.20 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 9-11 มิ.ย. ก่อนลงสนามเทรด 17 มิ.ย.64


นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บล.โกลเบล็ก เปิดเผยในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD เปิดเผยว่า SMD กำหนดราคาเสนอขายหุ้น (IPO ที่ราคา 7.20 บาทต่อหุ้น เปิดให้จองซื้อในวันที่ 9-11 มิ.ย. และคาดว่าจะเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 17 มิ.ย. 64

โดยเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา SMD ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ SMD ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน)

สำหรับการจัดโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนรายย่อยในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มนักลงทุน โดยบริษัทถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต ซึ่งเตรียมก้าวสู่การจัดจำหน่ายและบริการเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่มีศักยภาพเติบโตสูงจากข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันต่างๆ

โดยเฉพาะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้หลายโรงพยาบาลเปลี่ยนจากซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์เป็นการเช่าเพื่อสำรองกระแสเงินสด ส่งผลให้ตลาดเครื่องมือแพทย์ให้เช่าของ SMD เติบโต ประกอบกับจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนาน ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำระดับ ทำให้มีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมและมีการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

“การกำหนดราคาถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากแผนการลงทุนที่ชัดเจน จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัท ให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้น ประกอบกับมีความมั่นคงของผลการดำเนินงานจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนาน ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก ส่งผลให้ SMD มีโอกาสที่จะเติบโตได้ในระยะยาวในอนาคต” นายกิตติพันธ์ กล่าว

ด้านนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ SMD กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพ และฐานะการเงินเพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนต่างๆ จากประสบการณ์นานกว่า 20 ปี ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลกกว่า 30 ราย โดยผลิตภัณฑ์ของ SMD อยู่ในกลุ่มตลาดที่เน้นการแข่งขันด้านคุณภาพมากกว่าการแข่งขันด้านราคา

อีกทั้ง การเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ที่เป็นฐานรายได้หลักที่อยู่ในกลุ่มสินค้าในห้องฉุกเฉินและหอผู้ป่วย ICU และเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงสำหรับผู้ป่วยหยุดหายใจขณะนอนหลับ ทำให้เป็นข้อได้เปรียบ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานสามารถเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอและโดดเด่นกว่าในอุตสาหกรรมเดียวกัน

ทั้งนี้ SMD มีทุนจดทะเบียนจำนวน 107 ล้านบาท แบ่งเป็น 214 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 80 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 54 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 25.23% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท

ขณะที่นายวิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMD ผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในครั้งนี้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต จากแผนรุกขยายธุรกิจเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เช่า และโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ โดยได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลศิริราช และศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก พร้อมทั้งมีแผนขยายไปสู่โรงพยาบาลชั้นนำอีกหลายแห่ง เพื่อดำเนินโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ

โดยการระดมทุนทำให้มีฐานทุนเพิ่มขึ้นและสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) หลัง IPO ลดลงมาต่ำกว่า 0.5 เท่า จากปี 63 อยู่ที่ 1.87 เท่า ทำให้ SMD สามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอตามนโยบายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิในแต่ละปี เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปี (64-66) ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี หลังเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายเตียงสำหรับตรวจการนอนหลับโดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนเตียงตรวจเฉลี่ยปีละ 8 เตียงตรวจ ซึ่งคาดว่าภายในปี 66 จะมี 28 เตียงตรวจ จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 4 เตียงตรวจ นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มเครื่องมือแพทย์ใหม่ๆ เข้ามาจำหน่ายเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าทั้งโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน และการลงทุนให้เช่าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้ SMD มีแนวโน้มที่จะเติบโตในระยะยาว สอดคล้องกับภาวะอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมผู้สูงอายุ และนโยบายผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)

สำหรับผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/64 บริษัท มีรายได้มีจากการขายและบริการรวม 155.4 ล้านบาท เติบโต 38.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 112.3 ล้านบาท หลังความต้องการใช้อุปกรณ์การแพทย์ของภาครัฐที่เพิ่มขี้นต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาหลายองค์กรในภาคเอกชน ติดต่อเข้ามาเพื่อซื้อสินค้าของ SMD เพื่อนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลมากขึ้น ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ด้านกำไรสุทธิในไตรมาส 1/64 ทำได้ 8.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 464.54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 2.2 ล้านบาท หลังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบได้อย่างโดดเด่น

Back to top button