“ฟินันเซีย” แนะสอยหุ้นรับเหมา! H2/64 คว้างานใหม่เพียบ-หนุน Backlog พุ่ง ชู CK ท็อปพิค
"ฟินันเซีย" แนะสอยหุ้นรับเหมา! H2/64 คว้างานใหม่เพียบ-หนุน Backlog พุ่ง ชู CK ท็อปพิค จากการเข้าสู่ขึ้นรอบใหม่และเป็นตัวเต็งในงานประมูลหลายโครงการอย่างรถไฟฟ้าม่วงใต้-สีส้ม
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ซึ่งแนะนำกลยุทธ์การลงทุนบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเพื่อประกอบการลงทุนและให้เห็นทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2/2564 และผลงานทั้งปี 2564 โดยระบุในบทวิเคราะห์ดังนี้
เริ่มต้นด้วยการประมูลรถไฟทางคู่ราคาต่าสุดใกล้เคียงราคากลางทุกสัญญา
เชื่อรัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนโครงการลงทุนขนาดใหญ่เป็นเครื่องมือในการกระตุ้น เศรษฐกิจ อ้างอิงตัวเลขคาดการณ์การลงทุนภาครัฐของธปท.ในปีนี้จะขยายตัวมากที่สุด 11.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการแรกที่ถูกผลักดันอย่างเป็นรูปธรรมแล้วคือ รถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 2 เส้นทางอย่าง
1) สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งยื่นซอง 18-19 พ.ค. และมีผลการประมูลไม่เป็นทางการคือ สัญญาที่ 1 กลุ่ม ITD-NWR เสนอราคาตต่ำสุดที่ 2.66 หมื่นล้านบาท,สัญญาที่ 2 กลุ่ม CKST เสนอราคาต่าสุดที่ 2.69 หมื่นล้านบาท และสัญญาที่ 3 กลุ่ม CKST เสนอราคาต่ำสุดที่ 1.94 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 สัญญาผู้ชนะเสนอต่ำกว่าราคากลางเพียง 0.1%, 0.05% และ0.08% ตามลำดับ ประกาศผล 9 ก.ค.64 และเซ็นสัญญา 2 ส.ค.
2) สายบ้านไผ่-นครพนม ซึ่งยื่นซองราคา 25-27 พ.ค. และมีผลการประมูลไม่เป็นทางการคือ สัญญาที่ 1 กลุ่ม A.S. Associate Engineering (1964) เสนอราคาต่ำสุดที่ 2.71 หมื่นล้านบาท, สัญญาที่ 2 กลุ่มของ UNIQ เสนอราคาต่า สุดที่ 2.83 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 สัญญาผู้ชนะเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเพียง 23 ล้านบาท ประกาศผล 15 ก.ค. และเซ็นสัญญา 6 ส.ค.ถือว่าเป็นการกระจายงานให้กับ Main Contractor ทุกรายซึ่งเป็นไปตามที่คาด
ขณะที่ผู้เสนอราคาต่ำสุดใกล้เคียงกับราคากลาง รวมถึงการประมูลเป็นแบบ e-bidding ราคากลางจะสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นโดยเฉพาะราคาเหล็ก ณ วันที่ประมูลไปแล้ว ช่วยคลายความกังวลด้านการแข่งขันและมาร์จิ้นงานใหม่
โดยสรุปผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลมากสุดคือกลุ่ม CK JV กับ STEC จำนวน 2 สัญญา สำหรับ RT มีศักยภาพในการรับ Sub-contract งานอุโมงค์ที่มีอยู่ในสายเด่นชัย คาดหวังไม่ต่ากว่า 50% ของงานอุโมงค์ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมองว่าบรรลุได้ไม่ยาก เนื่องจากเป็นพันธมิตรที่มีประสบการณ์ทางานร่วมกับทั้ง CK และ ITD มายาวนาน
ลุ้นรับงานใหม่อีกมาก จากการเร่งเปิดประมูลใน 2H21
สำหรับ Backlog ของผู้รับเหมาฯโยธา (CK, STEC, SEAFCO, PYLON) ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 รวมอยู่ ที่ 1.13 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดีคาดหวังทิศทางปริมาณงานในมือจะเป็นขาขึ้น และมีโอกาสแตะระดับ 1.8 แสนล้านบาท สูงสุดใน รอบ 3 ปีอีกครั้งในปลายปีนี้หนุนจากโอกาสการรับงานใหม่ผ่าน 4 โครงการหลักอย่าง
1) รถไฟทางคู่เฟส 2 ที่เปิดประมูลไปแล้ว
2) ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก สัญญา 1 และสัญญา 3 ที่จะกลับมาประมูลใหม่ โดยวันนี้(9มิ.ย.64)กทพ.จะนำร่าง TOR ประกาศผ่านทางเว็บไซต์เพื่อรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 และคาดเปิดประมูลภายในเดือนนี้ โดยสัญญาที่1 ทางยกระดับบางขุนเทียน-เซ็นทรัลพระราม 2 ราคากลางที่ 7.36 พันล้านบาท และสัญญา 2 รพ.บางปะกอก 9-ด่านดาวคะนอง ราคากลางที่ 7.38 พันล้านบาท
3) รถไฟฟ้าสีม่วงใต้ มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท คาดประมูลในครึ่งหลังปี 2564
4) รถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 1.27 แสนล้านบาท คาดประมูลในครึ่งหลังปี 2564 นอกจากนี้หลายโครงการคาดมีความคืบหน้าชัดเจนในปลายปีนี้อาทิ มอเตอร์เวย์บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว รวมถึงรถไฟทางคู่ 2 เส้นทางซึ่งผ่าน EIA แล้วอย่างขอนแก่น-หนองคาย และชุมทางจิระ-อุบลราชธานี
แนวโน้มกำไรกลุ่มฯไตรมาส 2/2564 ฟื้นตัว ทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนยังไม่เด่น ก่อนจะดีขึ้นในครึ่งหลังปี 2564
ประเมินผลประกอบการของ 6 บริษัทรับเหมาฯที่เราดูแล ฟื้นตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้าอย่างไรก็ดี เป็นการเร่งขึ้นจากปัจจัยเฉพาะตัวที่ CK, STEC มีการบันทึกเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม แต่หากพิจารณาส่วนของธุรกิจรับเหมาฯถือว่า
ทรงตัวตามปัจจัยฤดูกาลที่มีวันหยุดจำนวนมาก และผลกระทบ COVID-19 ต่องานก่อสร้างถูกชะงัก หลังหลายไซต์งานพบแรงงานติดเชื้อ ขณะที่เทียบ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจะไม่เด่นจากปริมาณงานที่ลดลงและการแข่งขันสูง โดยบริษัทที่
คาดกำไรเด่นสุด โตทั้งเทียบไตรมาสก่อนหน้าและ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนคือ SRICHA หนุนด้วยงานในมือระดับสูง และ STEC ตามมาร์จิ้นที่ฟื้นตัว ขณะที่ครึ่งหลังปี 2564 คาดโมเมนตัมกาไรกลุ่มฯจะดีขึ้นเทียบครึ่งแรกปี 2564 จากความคืบหน้างานระหว่างก่อสร้าง รวมถึงมีปริมาณงานใหม่มากขึ้น และโครงการใหญ่ที่ประมูลเสร็จสิ้นแล้วเรมิ่ ก่อสร้าง อาทิ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
คงเลือก CK เป็น Top Pick ส่วน SRICHA พื้นฐานดีแต่ราคาเต็มมูลค่าจึงแนะขายทำกำไร
โดยยังเลือก CK เป็น Top Pick จากการเข้าสู่ขึ้นรอบใหม่และเป็นตัวเต็งในงานประมูลหลายโครงการอย่างรถไฟฟ้าม่วงใต้-สีส้ม ส่วน SRICHAยังชื่นชอบในเชิงพื้นฐานที่ Turnaround และล่าสุดยืนยันได้รับงานใหม่เป็นบวกต่อการรับรู้รายได้ตัง้ แต่กลางปีหน้า
อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าวถูกรวมในประมาณการแล้ว ราคาหุ้นปรับขึ้นเร็วเกินราคาเหมาะสมและ Implied PBV สูงสุดในกลุ่มฯ จึงแนะนาขายทากำไร ทั้งนี้ติดตามความคืบหน้าประมูลโครงการใหม่เป็นโอกาสเก็งกาไรในหุ้นที่เป็นตัวเต็ง ส่วน Key Risk คือ ประมูลล่าช้า,การแข่งขันรุนแรง,การขาดแคลนแรงงาน, ราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น, การแพร่ระบาด COVID ในไซต์ก่อสร้างควบคุมไม่ได้