2 โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” AMATA เป้า 22.60 บ. มองผลงานครึ่งปีหลังเด่น ราคาขายที่ดินพุ่ง

2 โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” AMATA ให้ราคาเป้าสูงสุด 22.60 บ. มองผลงานครึ่งปีหลังโดดเด่น ราคาขายที่ดินในไทยและเวียดนามจะกลับมาแข็งแกร่ง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับหุ้น บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA โดยมีนักวิเคราะห์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 22.60

ด้านนายสรพงษ์ จักรธีรังกูร ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผู้บริหารยังคงมีมุมมองเชิงบวก จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ การผลิตในโรงงานมีการฟื้นตัวชัดเจน จากการใช้น้ำ ไฟฟ้า ที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และยังมีการเจรจากับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่ดินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในกลุ่มนี้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 1,000 ไร่ โดยเป็นลูกค้าเก่า 55% และลูกค้าใหม่ 45%

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทก็ยังคาดหวังถึงการกระจายวัคซีนในครึ่งปีหลังที่รวดเร็วขึ้นจะนำไปสู่การเปิดประเทศ และนักลงทุนก็จะสามารถเข้ามาดูที่ดินที่เป็นของจริงได้ ก็จะช่วยสนับสนุนยอดขายที่ดินปรับตัวขึ้นในครึ่งปีหลังอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทยังคงมั่นใจยอดขายที่ดินปีนี้ที่ 950 ไร่ แม้ว่าตัวเลขยอดขายที่ดินตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันจะยังทำได้เพียง 100 ไร่

ส่วนในประเทศเวียนนาม ก็จะมีการโอนที่ดินในไตรมาส 3/64 จำนวน 300 ไร่ และล่าสุดก็มีการเซ็นสัญญาที่ดินไปแล้วในพื้นที่เขตพาณิชยกรรม (Commercial Zone) จำนวน 12 เฮกเตอร์ ที่นิคมอมตะซิตี้ เบียนหัว รวมถึงยังเจรจากับลูกค้าเพิ่มเติมอีกราว 100 เฮกเตอร์ โดยเป้าหมายที่ดิน 430 ไร่ในปีนี้ก็คาดว่าจะทำได้ตามแผน จากปัจจุบันได้มาแล้วราว 65%

อย่างไรก็ตาม AMATA ก็ยังคาดหวังการฟื้นตัวของกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป รวมถึงการขายที่ดินก็ยังเป็นภาพค่อนข้างชัดเหมือนเดิม

“แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานที่ 22.60 บาท แม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 2/64 คาดยังทรงตัวจากไตรมาส 1/64 แต่คาดราคาขายที่ดินในไทยและเวียดนามจะกลับมาแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังและปีหน้า” นายสรพงษ์ กล่าว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ มีมุมมองเป็นกลางต่องาน Opportunity day จากเป้า presale ที่ยังเดิม และประเมินว่ายอด presale และ transfer จะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3/64 จากการเดินทางระหว่างประเทศที่คลี่คลาย และปัจจัยฤดูกาล ซึ่งเป็นไปตามที่คาด

โดยมีประเด็นสำคัญ คือ 1. คงเป้า presale ในไทยที่ 950ไร่ (ชลบุรี 200ไร่, ระยอง 450 ไร่ และไทย-ไชนีส 300ไร่) และยอด transfer ประมาณ 60% ของ backlog โดย backlog ณไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท (คาดเทียบเท่า 341 ไร่) 2. ปัจจุบันมียอด presale และ LOI ในไทยรวมกัน YTD ประมาณ 100 กว่าไร่ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/64 ที่ 36 ไร่

3.บริษัทประเมินว่านักลงทุนจะเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น และหนุนให้เกิดยอด presale ในช่วง ปลายไตรมาส 3/64 ถึงต้นไตรมาส 4/64 ภายหลังที่มี Herd immunity ในไทย ทั้งนี้บริษัทมีลูกค้าที่อยู่ระหว่าง การเจรจามากกว่า 33 ราย โดยเป็นรายใหญ่ประมาณ 3 ราย

พร้อมกันนี้ คงกำไรปกติปี 2564/65 พลิกกลับมาขยายตัวต่อเนื่องปีละ 28% จากปีก่อน / +23% จากปีก่อน อยู่ที่ 1.37 พันล้านบาท และ 1.69 พันล้านบาท จากยอด transfer ที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 360 และ 530 ไร่ จากปีก่อนที่ 333ไร่ หนุน

โดย 1) presale ที่คาดว่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3/64 คาดอยู่ที่ปีละ 600 ไร่, 2) เกิด Herd immunity ในประเทศซึ่งทำให้นักลงทุนจะเริ่มกลับมาศึกษาดูงาน และลงทุน และ 3) นิคมในเวียดนามกลับมารับรู้ยอด presale จากที่ไม่มีการขายตั้งแต่ปี 2562 ภายหลังที่ได้รับ ใบอนุญาต IC จากรัฐบาลเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ณ ปัจจุบันนิคมในเวียดนามมี presale YTD แล้ว ประมาณ 200 ไร่

ด้านราคาเป้าหมาย 21.00 บาท อิง PBV ปี 2564 ที่ 1.4 เท่า โดยประเมินว่ายอด presale และ transfer จะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3/64 จากการฉีดวัคซีน COVID-19 ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยต่อวันที่ 4 แสนโดส ซึ่งทำให้ Herd immunity ในไทยมีความชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งแนวโน้มธุรกิจนิคมในเวียดนามที่จะพลิกกลับมาดีขึ้นภายหลังการได้รับ ใบอนุญาต Investment Certificate (IC) ใน Halong และสามารถปิดการขายพื้นที่ commercial จำนวน 75 ไร่ในนิคม Bien Hua ที่มีราคาขายสูงได้

Back to top button