“UN Global Compact” ยกย่อง “ดร. แดเรียน แมคเบน” ผู้นำยั่งยืน “ท้องทะเล”
“UN Global Compact” ให้การยกย่อง “ดร. แดเรียน แมคเบน” เป็น 1 ใน 10 ผู้พัฒนาที่ยั่งยืน ตามพันธสัญญา หลักการ 10 ประการ ว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม แรงงานและการต่อต้านการคอร์รัปชั่น
ดร. แดเรียน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือTU เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้บุกเบิกการทำงานเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในครั้งนี้ ซึ่งได้ตั้งใจทุ่มเทให้กับโลกและธุรกิจของ TU ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดย TU นั้นถือว่าความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจทั้งนี้จึงอยากขอบคุณทีมงานของทุกคนทั่วโลกที่มีความตั้งใจเหมือนกันในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลกมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
สำหรับ ดร. แดเรียน นั้นได้รับการยอมรับในการทำงานที่สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านความยั่งยืนของท้องทะเลที่ก่อให้เกิดเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งทาง TU ได้เข้าร่วมกรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 โดยมีการทำงานให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาในทุกข้อและมุ่งเน้นใน 4 เป้าหมายหลัก เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง ได้แก่ ข้อที่ 2 ขจัดความหิวโหย ข้อที่ 8 การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ข้อที่ 13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และข้อที่ 14 การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล ทั้งนี้ทาง UN Global Compact ได้ตีพิมพ์ประวัติ ดร. แดเรียนทางเว็บไซต์ สำหรับรายละเอียดการทำงานด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของ TU มีรายละเอียดที่เว็บไซต์ SeaChange®
“ธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในช่วงที่การทำงานต่างๆ ชะลอตัวลงจากสถานการณ์โควิด-19 ผู้นำทั้งสิบคนนี้ได้แสดงให้เห็นว่าธุรกิจสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ มิใช่เพียงเพื่อผู้ถือหุ้นแต่เพื่อสังคมโดยรวม ดิฉันหวังว่าผู้บุกเบิกการทำงานเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งสิบท่านในปี 2564 นี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในการทำงานภาคธุรกิจเพื่อโลกที่น่าอยู่มากขึ้น” ซันดา โอจิมโบ ประธานกรรมการและกรรมการบริหาร UN Global Compact กล่าว
โดยผู้บุกเบิกการทำงานเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการประกอบไปด้วยผู้ที่ได้รับการยอมรับในปีก่อนๆ และตัวแทนจากเครือข่ายของ UN Global Compact ซึ่งเกณฑ์การคัดเลือกนั้นรวมถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะนำพันธสัญญา หลักการ 10 ประการของ UN Global Compact ฝังอยู่ในกลยุทธ์หลักของบริษัท ตลอดจนความพยายามในการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและความร่วมมือในการทำงานร่วมกับองค์กรและเครือข่ายท้องถิ่น อีกทั้งในปี 2564 นี้รายชื่อผู้บุกเบิกการทำงานเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นมีการประกาศในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำ UN Global Compact ในวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันในปีนี้ กระบวนการสรรหามุ่งไปที่กลุ่มคนทำงานในทุกระดับจากบริษัทต่างๆ ที่ทำงานร่วมกับ UN Global Compact และผู้ที่ได้รับคัดเลือกในปีนี้มาจากทุกทวีปในโลก สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเพิ่มเติมได้ที่ www.unglobalcompact.org
อนึ่ง TU เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลกซึ่งส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี
สำหรับในวันนี้ TU ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลกโดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมียอดขายต่อปีมากกว่า 132,402 ล้านบาท (4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน
อย่างไรก็ดี TU เป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค,ฟิชโช,คิวเฟรช,โมโนริ,เบลลอตต้า และมาร์โว่ รวมถึงผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ได้แก่ UniQ™BONE, UniQ™DHA และ ZEAvita
ทั้งนี้จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก TU ภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 TU ได้เปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ TU ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 7 ปีติดต่อกัน
โดยในปี 2563 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ TU ยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน