SPVI ขาขึ้นรอบใหม่! บวกแรง 11% ลุ้นยอดขาย Q2 โตเด่น รับอานิสงส์ WFH-LFH

SPVI ขาขึ้นรอบใหม่! บวกแรง 11% ลุ้นยอดขาย Q2 โตเด่น รับความต้องการสินค้าไอทีเพื่อรองรับ Work From Home-Learn From Home เพิ่มสูงขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(22 มิ.ย.64) ราคาหุ้น บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI ณ เวลา 15.12 น. อยู่ที่ระดับ 6.85 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 11.38% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 87.29 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ SPVI เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 2/64 คาดว่า จะเติบโตจากไตรมาส 2/63 โดยความต้องการสินค้าไอทีเพื่อรองรับ Work From Home (WFH) และ Learn From Home (LFH) เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการทำการตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าคงต่ำกว่าไตรมาส 1/64 เนื่องจากในไตรมาส 2 ของทุกๆ ปียอดขายจะชะลอลง

ส่วนแผนการขยายสาขาในปี 64 วางแผนไว้ทั้งหมด  10 สาขา โดยในไตรมาส 1/64 เปิดสาขาใหม่แล้ว 2 สาขา คือ iCenter ที่จังหวัดภูเก็ต และ A-Store ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ส่วนในไตรมาส 2/64 ในวันที่ 1 พ.ค.ได้เปิด AIS Shop สาขาที่โรบินสัน อ.แม่สอด จ.ตาก และ iCenter ที่โรบินสัน จ.จันทบุรีแล้ว สำหรับร้าน AIS Telewiz ที่ชลบุรี จะเปิดในเดือน มิ.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายสาขาในไปปไลน์ที่บริษัทวางแผนจะเปิดทำการภายในปีนี้ แต่ยังต้องชะลอไว้ก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้มีการเลื่อนเปิดเทอมออกไป แม้ว่าร้านต่างๆ ได้ตกแต่งเรียบร้อยแล้ว ทั้ง A-store ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่, A-store มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, A-store มหาวิทยาลัยเกษตร ศรีราชา, A-store มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี สุรนารี, U-store มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม และ U-store มหาวิทยาลัยเกษตร ศรีราชา

ด้านการตลาดออนไลน์ของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี โดยเฉพาะช่องทาง Chat & Shop อย่างเฟซบุ๊ก, ไลน์, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์ และติ๊กต็อก ส่วนช่องทาง e-Commerce ถือว่าเป็นช่องทางที่ค่อนข้างใหม่และยังคงมีการปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในปีนี้มีสินค้าใหม่จาก Apple มากมาย ทั้งมีการเปลี่ยน intel เป็น Ship x1, iPad Pro มีการเปลี่ยนไปใช้ชิปแบบซีพียู

นอกจากนี้ยังมีสินค้าใหม่ทั้ง iMac และ iPad Pro ที่มีดีมานด์สินค้าค่อนข้างสูง และสินค้าใหม่ที่น่าสนใจอย่าง Air tag, Apple TV และ iPhone สีม่วง สำหรับปัญหาชิปขาดแคลน ทาง Apple ได้หันมาใช้ชิปของบริษัท Apple เองแล้ว จึงไม่น่าจะเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อบริษัท

Back to top button