เปิดเมนู 7 หุ้นเด็ด ยอดขายทะลักรับเทศกาลกินเจ
เปิดโผหุ้นเด็ดที่รับผลดีมากสุดช่วงเทศกาลกินเจ หลังประชาชนงดบริโภคเนื้อสัตว์ หันมาบริโภคผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร คาดช่วยหนุนยอดขายกระฉูด นำโดย TVO, LST, UVAN, UPOIC และCPALL
เปิดโผหุ้นเด็ดที่รับผลดีมากสุดช่วงเทศกาลกินเจ หลังประชาชนงดบริโภคเนื้อสัตว์ หันมาบริโภคผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร คาดช่วยหนุนยอดขายกระฉูด นำโดย TVO, LST, UVAN, UPOIC และ CPALL
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ในช่วงเทศกาลกินเจ ระหว่างวันที่ 13-21 ต.ค.นี้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่จะละเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์และหันมาบริโภคพืชผักและผลิตผลทางการเกษตรมากขึ้น และจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มเกษตร ซึ่งมีผลิตภัณฑ์จำพวก น้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง และวุ้นเส้น (TVO, LST, UVAN, UPOIC) รวมไปถึงหุ้นในกลุ่มที่จำหน่ายอาหารเจ (CPALL, MAKRO, BIGC) เนื่องจากในช่วงเทศกาลกินเจจะช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้าให้มากขึ้น ทั้งนี้ พบว่ามีหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวทั้งหมด 5 บจ. ด้วยกัน
เริ่มที่อันดับหนึ่ง บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลือง ตราองุ่น และวัตถุดิบอาหารสัตว์ ได้แก่ กากถั่วเหลือง, ดีฮัล ซอยมีล, ฟูลแฟตซอย, ดีฮัล ฟูลแฟตซอย รวมทั้ง เลซิติน น้ำมันทานตะวัน และกากทานตะวัน
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) แนะนำ TVO ในช่วงที่ตลาดแกว่งแรงความเสี่ยงมาก เนื่องจากเป็นหุ้นปันผลสูง ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 58 ที่ดีราว 7% โดยคาดเงินปันผลปี 58 ที่ 1.62 บาท/หุ้น ขณะที่ Downside risk จากราคาถั่วเหลืองตกต่ำมีน้อย เนื่องจากราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกปัจจุบันใกล้เคียงกับราคาต้นทุนของเกษตรกรสหรัฐที่ 9USD/bushel ประกอบกับปัจจุบันการปลูกถั่วเหลืองในสหรัฐนั้นต่ำกว่าคาด เนื่องจากมีปัญหาฝนตกหนักในพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองช่วยเสริม Sentiment บวกให้กับราคาถั่วเหลืองในระยะกลางถึงระยะยาวด้วย ดังนั้นจึงแนะนำสะสม TVO ถือยาวรับปันผล
อันดับสอง บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม น้ำมันพืช ไขมันพืชผสม และเนยเทียม ผักและผลไม้แช่แข็งหรือบรรจุกระป๋อง น้ำผลไม้ กาแฟ เครื่องดื่มต่างๆ และซอสปรุงรส
ผู้บริหาร LST เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า บริษัทรอประเมินรายได้และกำไรสุทธิปี 2558 นี้ ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2558 ซึ่งเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ซึ่งคาดหวังว่าจะสามารถผลักดันรายได้และกำไรสุทธิให้เติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 8.5 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 380.67 ล้านบาท เนื่องจากผลผลิตปาล์มเข้าสู่ตลาดค่อนข้างมากส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตปรับตัวลดลง
ขณะที่บริษัทได้เตรียมเงินลงทุนซื้อเครื่องจักรบรรจุใหม่ทดแทนเครื่องจักรเดิมที่บางเครื่องอายุการใช้งานนานกว่า 30 ปี และซื้อเครื่องผลิตขวดบรรจุน้ำมันพืช คาดใช้งบลงทุนราว 400 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยติดตั้งเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2558 พร้อมเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2559 สำหรับการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรครั้งนี้คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 40%
นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ลาว, เมียนมา และกัมพูชา เพื่อเป็นการกระจายยอดขายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการที่อยู่ในกลุ่มอาหารในประเทศ 1 แห่ง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
อันดับสาม บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UVAN ผู้ดำเนินธุรกิจ สวนปาล์ม สกัดน้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ เพื่อจำหน่ายให้แก่โรงกลั่นน้ำมันปาล์มทั้งในและต่างประเทศ โดยมีผลิตภัณฑ์พลอยได้ คือ เมล็ดในปาล์ม กากเมล็ดในปาล์มและกะลาปาล์ม นอกจากนี้ยังผลิตเมล็ดพันธุ์และต้นกล้าพันธุ์ปาล์มน้ำมันลูกผสมจำหน่ายให้แก่เกษตรกรทั้งในและต่างประเทศ โรงผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ เพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
อันดับสี่ บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UPOIC ผู้ดำเนินกิจการปลูกปาล์มน้ำมัน และมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ ซึ่งเป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น เช่น น้ำมันปรุงอาหาร เนยเทียม ไอศครีม สบู่ แชมพู ส่วนผสมอาหาร เคมีภัณฑ์ อาหารสัตว์ เป็นต้น และน้ำมันปาล์มยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตไบโอดีเซล ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือก
อันดับที่ห้า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven และให้สิทธิแก่ผู้ค้าปลีกรายอื่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และลงทุนในธุรกิจสนับสนุนธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ อาทิ ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปและเบเกอรี่ ตัวแทนรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบชำระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อ MAKRO
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังคงแนะนำซื้อ CPALL ราคาพื้นฐานปี 2558 ที่ 55 บาทต่อหุ้น ด้วยแนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยบวกที่สนับสนุน ประกอบด้วย แคมเปญแสตมป์ที่คาดได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัวหลังครม.เศรษฐกิจชุดใหม่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีกำลังซื้อเพิ่ม ซึ่งทางฝ่ายคาด CPALL จะได้อานิสงส์กำลังซื้อ โดยเฉพาะจากต่างจังหวัดให้ฟื้นตัวขึ้น และเป็นช่วงฤดูกาลขาย (high sales season) ของธุรกิจอาหารในไตรมาส 4 ปี 2558 จึงคาดจะส่งผลดีต่อยอดขายของ MAKRO
อย่างไรก็ตาม ดัชนีอุตสาหกรรมผู้ค้าปลีกไทยช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวเพียง 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากกำลังซื้อที่ชะลอ แต่แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดีนัก หากแผนการขยายสาขายังเป็นไปต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรก 2558 ได้เปิดสาขา 7-Eleven เพิ่ม 342 แห่งและ MAKRO 6 แห่ง และคาดทั้งปีเปิดสาขา 7-Eleven เพิ่ม 600 แห่งและMAKRO 14 แห่ง ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2558 คาดว่ามีกำไรสุทธิ 1.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2557 มีกำไรสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท
อันดับที่หก บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าระบบสมาชิกแบบชำระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อ แม็คโคร ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ยังประกอบธุรกิจนำเข้า, ส่งออก และจำหน่ายสินค้าแช่แข็งและแช่เย็น พร้อมบริการด้านจัดเก็บและจัดส่งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม และให้บริการด้านการบริหาร ด้านเทคนิค, ให้บริการสนับสนุน ผ่านการดำเนินการของบริษัทย่อย
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า แม้สถานการณ์ของธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งจะเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่กลยุทธ์ของ MAKRO ในการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ การปรับตัวดีขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น อันเป็นผลมาจากการปรับลักษณะสินค้าในแต่ละสาขาให้เหมาะกับความต้องการลูกค้า จะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิปี 2558 เติบโตได้ต่อเนื่อง ประเมินกำไรสุทธิ ปี 2558 เพิ่มขึ้น 19.3% จากปีก่อน เป็น 5.8 พันล้านบาท ภาพรวมของธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใส ประกอบกับผลการดำเนินงานของบริษัทที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 50 บาท
และอันดับสุดท้าย บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC บริษัทชั้นนำในธุรกิจค้าปลีกด้านอาหารสมัยใหม่ของประเทศไทย ประกอบธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจการให้เช่าและบริการพื้นที่ (Dual retail-property model) รูปแบบธุรกิจที่ผสมผสานระหว่างธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจให้เช่าและบริการสถานที่
ข้อมูลดังกล่าวเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนระยะสั้นช่วงเทศกาล (5-7 วัน) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระมัดระวังถึงความเสี่ยง และพิจารณาปัจจัยพื้นฐานรวมถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย
*อนึ่ง ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน