มาร์ธาอินไซด์ขาย ก่อศักดิ์อินไซด์ซื้อ

ย้อนกลับไปราว 11 ปี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2547 มาร์ธา สจ๊วด ผู้เป็นต้นแบบนักธุรกิจหญิงชาวอเมริกัน ถูกตัดสินโดยคณะลูกขุนแห่งแมนฮัตตันว่า เธอมีความผิดกรณีการใช้ข้อมูลภายในเพื่อขายหุ้นบริษัท ImClone Systems


–ตามกระแสโลก–

 

ย้อนกลับไปราว 11 ปี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2547 มาร์ธา สจ๊วด ผู้เป็นต้นแบบนักธุรกิจหญิงชาวอเมริกัน ถูกตัดสินโดยคณะลูกขุนแห่งแมนฮัตตันว่า เธอมีความผิดกรณีการใช้ข้อมูลภายในเพื่อขายหุ้นบริษัท ImClone Systems

โดย มาร์ธา ณ ตอนนั้น ไม่ได้มีตำแหน่งทางการบริหาร หรืออยู่ในคณะกรรมการแต่อย่างใด หากแต่เธอเป็นเพื่อสนิทของ แซมูเอล วัคซอล ซีอีโอของบริษัทแห่งนี้

ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงสิ้นปี 2544 หรือก่อนหน้าที่จะมีการตัดสินคดีดังกล่าว ราคาหุ้น ImClone Systems ที่เป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ในสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงจากการเปิดตัว Erbitux หรือยาต้านมะเร็งชนิดหนึ่ง

แต่เพียงไม่นานก่อนความฝันจะกลายเป็นจริง องค์กรอาหารและยา หรือ FDA แห่งสหรัฐฯ ก็ออกมาสั่งระงับยาตัวดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทไม่มีใบอนุญาตในการผลิตและจำหน่ายยาตัวนี้อีกต่อไป

ก็แน่นอนครับว่า พอมีการประกาศเสร็จ ราคาหุ้นก็ร่วงดิ่งเหวลงมาโดยไม่มีใครสามารถยับยั้งได้!!

ทว่า มีการตรวจสอบพบว่า มาร์ธา นั้นขายหุ้นส่วนใหญ่ที่เธอถือไว้ในบริษัทออกมาก่อนหน้าการประกาศเพียง 1 วัน เท่านั้น โดยคิดเป็นมูลค่าได้ราว 2.30 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ

ซึ่งในภายหลัง จึงสืบทราบได้ว่า แซมูเอล เป็นผู้ทำหน้าที่พรายกระซิบบอกให้ มาร์ธา รีบขายหุ้นออกไป เพราะยา Erbitux กำลังจะกลายเป็นเพียงความทรงจำในวันรุ่งขึ้น

ประเด็นตรงนี้ ส่งผลให้ มาร์ธา ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 เดือน พร้อมกับกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านอีก 5 เดือน และ มาร์ธา ยังต้องเสียค่าปรับอีกราว 4.57 หมื่นดอลลาร์ เพื่อชดใช้ความผิดกรณีใช้ข้อมูลอินไซด์ขายหุ้น

สำหรับกรณีของ คุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ในทางปฏิบัติ นั้นคงไม่แตกต่างอะไรกับกรณีของ มาร์ธา สจ๊วด

หากแต่ในกรณีหลังเป็นการใช้ข้อมูลอินไซด์เพื่อซื้อหุ้น สรุปง่ายๆคือ มาร์ธา ทำเพื่อเอาตัวรอด ขณะที่คุณก่อศักดิ์ ทำเพื่อเสริมความมั่งคั่งให้ตัวเอง

โดย กลต. ตรวจสอบพบว่า คุณก่อศักดิ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหาร CPALL พร้อมคนสนิทอีก 3 ท่าน ได้ทำการซื้อหุ้น MAKRO โดยอาศัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน

ในช่วงระหว่างวันที่ 10-19 เมษายน 2556 ซึ่งเป็นช่วงที่เครือซีพีกำลังทำการเจรจาขอซื้อหุ้น MAKROจาก เอสเอชวี เนเธอร์แลนด์ บี.วี.

โดยตัวเลขที่เป็นต้นทุนของคุณก่อศักดิ์ และราคาที่ขายหุ้นออกไป นั้นไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา

แต่หากคำนวณอย่างคร่าวๆโดยเฉลี่ยจากราคาปิดทุกวันในช่วงระยะเวลาดังกล่าว และราคาที่เครือซีพีเข้าไปทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ คุณก่อศักดิ์น่าจะรวยไปไม่ต่ำกว่า 23 ล้านบาททีเดียว จากการซื้อหุ้น MAKROจำนวน 1.18 แสนหุ้น

อย่างไรก็ตาม การชดใช้ความผิดของคุณก่อศักดิ์ครั้งนี้ ก็ถือว่าเรียบง่าย และราบรื่นไปด้วยดี ไม่มีหือไม่มีอือ

เพราะโดนเปรียบเทียบปรับไปเบ็ดเสร็จ 30.23 ล้านบาท และไม่ต้องไปนอนซังเต 5 เดือน แบบ มาร์ธา สจ๊วด 

ซึ่งปัญหาทุกอย่าง ก็จบลงอย่างง่ายดาย ดังเช่นที่คุณก่อศักดิ์ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า “เมื่อผิดก็รับ และเมื่อปรับก็หมดเรื่อง ตอนนี้ถือว่าจบเรื่องแล้ว”   

ส่วนเรื่องการนำเสนอข่าวประเด็นนี้โดยอิงจากข้อเท็จจริงทั้งหมด ก็แค่ถูกมองว่าเป็นการ “ออกข่าวเจ็บๆแสบๆ” เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีคำให้สัมภาษณ์อีกด้วยว่า ขณะที่ซื้อไม่รู้ว่าดีลนี้จะสำเร็จหรือไม่ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ MAKRO เปิดให้ผู้สนใจทั้งในและนอกประเทศจำนวนมากเข้าไปเสนอเงื่อนไข”

แบบนี้มันแปลว่า ถึงแม้ไม่รู้ว่าซีพีจะได้ซื้อหรือไม่ได้ซื้อ แต่คุณก่อศักดิ์ก็รู้ว่า MAKRO ต้องโดนซื้ออยู่แล้วใช่หรือเปล่า?? แล้วผู้ที่สนใจจะซื้อก็ต้องเสนอราคาพรีเมี่ยมไปให้ด้วยใช่หรือไม่??

เอาเถิดครับ เอาที่สบายใจ…

เสียดายอย่างเดียวว่า เร็วๆ นี้คงไม่ได้เห็นหนังคล้ายๆ “วูฟออฟวอลสตรีท” ที่เป็นเวอร์ชั่นไทยออกมาโลดแล่นให้ได้ชม

เพราะลำพังแค่โดนปรับเงินอย่างเดียว คงไม่มีรสชาติเข้มข้นเพียงพอกับการที่จะถูกสร้างเป็นหนังได้

Back to top button