“ชัยยศ” มอง SET แกว่งตัว แนะลงทุน 2 หุ้นเด่น รับปัจจัยบวกเฉพาะตัว
“ชัยยศ จิวางกูร” มอง SET แกว่งตัว แนะลงทุน ERW เด่นสุด มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อานิสงส์มาตรการวีซ่าฟรีไทย-จีน พร้อมหุ้น CBG ลุ้นไตรมาส 4/66 ฟื้นตัว จากปัจจัยราคาต้นทุนแก๊สและราคาน้ำตาลที่ลดลง
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยฝ่ายผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (31 ม.ค. 67) แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ ซึ่งเหมือนกับหลายวันที่ผ่านมา สืบเนื่องมาจากนักลงทุนจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ โดยเมื่อวานนี้มีการประชุมไปแล้ว 1 ครั้ง และในวันนี้อาจมีข้อสรุป ขณะที่คาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.5%
ขณะที่ปัจจัยที่ต้องจับตามองคือภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีสัญญาณอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ
ทั้งนี้ กรณีการคงดอกเบี้ย (เฟด) ที่ระดับสูงไว้นั้นเท่าที่ดูจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่างๆ อาทิ ที่อยู่อาศัย, การจ้างงาน และการใช้จ่ายในภาคบริโภค ซึ่งมองว่ายังไม่กระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากสหรัฐมีเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแรง ซึ่งจะเห็นได้จากการประกาศผลงานไตรมาส 4/66 ที่อยู่ในระดับใกล้ 3% โดยมองว่าภาพรวมในตอนนี้ (เฟด) อาจกำลังชั่งน้ำหนักว่าการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับนี้ที่ถือว่ายังคงเหมาะสม เนื่องจากเฟดอาจจะดูสถานการณ์ไปอีกสักระยะหนึ่งว่าเศรษฐกิจในขณะนี้จะทำให้ภาวะเงินเฟ้อชะลอตัวลงมาได้มากขนาดไหน
โดยตอนนี้ภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอยู่ที่ระดับ 3% มีการตั้งเป้าให้สามารถลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2% เบื้องต้นมองว่ามีแนวโน้มว่าดอกเบี้ย (เฟด) อาจปรับลดลงในไตรมาส 3/67 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจจีนยังคงไม่ดีนักแม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาก็ตาม โดยเฉพาะปัจจัยภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศกว่า 30% ที่ค่อนข้างอ่อนแอ รวมถึงภาวะการสู้รบในทะเลแดงที่ส่งผลกดดันต่อตลาดโลก
ทั้งนี้ หากพูดถึง เงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ “Fund Flow” ที่จะเข้ามาในประเทศนั้นยังมีโอกาสชะลอตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากการจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติมองภาพรวมเศรษฐกิจก่อนที่จะมีการลงทุน หากเศรษฐกิจภายในประเทศไม่ได้เติบโตก็จะทำให้โอกาสที่จะเข้ามาลงทุนค่อนข้างเป็นไปได้ยาก รวมถึงปัจจัยเรื่องตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ “GDP” ที่ประเมินไว้ที่ระดับ 3.5% ซึ่งตอนนี้กระทรวงการคลัง ได้ออกมาประกาศให้เหลือที่ระดับ 2.8% อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “ลงทุน” หุ้นที่มีประเด็นที่น่าสนใจ และหุ้นที่มีผลประกอบการดีเนื่องจากในช่วงเดือน ม.ค ถึงปลายเดือน ก.พ. ถือเป็นช่วงประกาศผลประกอบการ อาทิ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ซึ่งได้ปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการฟรีวีซ่าไทย-จีน โดยให้ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 6.40 บาท รวมถึง บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4/66 จากปัจจัยราคาต้นทุนแก๊สและราคาน้ำตาลที่ลดลง รวมถึงการขยายธุรกิจลงทุนในสินค้าประเภทเบียร์ ซึ่งทำให้รายได้เติบโต โดยให้ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 93 บาท