9 หุ้นตกสวรรค์ กำไรปี 58 วูบเกิน 70%

ตลาดหุ้นไทยปี 2558 ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลก ดัชนีแกว่งตัวในทิศทางขาลงปิดที่ 1,288 จุด และให้ผลตอบแทนปีนี้อยู่ที่ลบ 14% ภาพรวมตลาดถูกควบคุมจากปัจจัยต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศมีทิศทางไม่ชัดเจน นอกจากนี้ยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งตลาด SET และ mai ในปี 2558 ที่เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามี บจ. ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกจากหุ้นที่ผลการดำเนินงานในปี 2558 ที่มีกำไรลดลงเกิน 70% โดย บจ. ที่มีความน่าสนใจมีรายชื่อดังต่อไปนี้

บจ.ที่มีกำไรปี 2558 ลดลงเกิน 70%

 

อันดับแรกบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 6.38 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.002 บาทต่อหุ้น ลดลง 95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 122.15 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.042 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในปี 2558 ที่ลดลงเนื่องจากบริษัทมีรายได้ลดลงตามยอดขายที่ปรับตัวลงตามสภาวะทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังการจับจ่ายใช้สอยลดลงขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นนอกจากนี้ยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐ

 

อันดับที่ 2 บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือSEAOIL รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 (รวมบริษัทย่อย)มีกำไรสุทธิ 6.50 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.02 บาทต่อหุ้น ลดลง 92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 85.44 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.36 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในปี 2558 ที่ลดลงเนื่องจาก บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนในการค้า (บริษัท แพนโอเรียนท์เอ็นเนอยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด) จำนวน 45.95 ล้านบาทขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการบริหาร และต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น

 

อันดับที่ 3 บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558(รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 57.81 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.08 บาทต่อหุ้น ลดลง 86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 412.80 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.60 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในปี 2558 ที่ลดลงสาเหตุหลักมาจากรายได้รวมของธุรกิจหลักลดลงเนื่องจากธุรกิจดิจิตอลทีวีมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น

 

อันดับที่ 4 บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือWAVE รายงานผลการดำเนินงานปี 2558 (รวมบริษัทย่อย)มีกำไรสุทธิ 36.34 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.11 บาทต่อหุ้น ลดลง 83% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 220.10 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.68บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในปี 2558 ที่ลดลงเนื่องจากบริษัทมีการขยายกิจการเพื่อเข้าสู่ธุรกิจใหม่ขณะที่มีการรับรู้ต้นทุนเต็มปีของธุรกิจให้บริการสอนภาษาอังกฤษและธุรกิจร้านอาหาร

 

อันดับที่ 5 บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2558 มีกำไรสุทธิ 124.31 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.14 บาทต่อหุ้น ลดลง 82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 680.83 ล้านบาทหรือมีกำไรสุทธิ 0.79 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในปี 2558 ที่ลดลงเนื่องจากมีบริษัทรายได้จากการขายโครงการอาคารชุดลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

 

ส่วนอันดับที่ 6-9 ได้แก่ KOOL, TPIPL, SALEE และ UWC กำไรเติบโตลดลงประมาณ 70% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะตลาด และเศรษฐกิจดังกล่าวเช่นกัน ทำให้ต้นทุนในการขายและให้บริการเพิ่มขึ้น หรือมีรายได้ลดลง

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน