ห้ามพลาด! เปิดโผหุ้น mai กำไร Q4 พุ่งกระฉูด
เปิดโผหุ้น mai กำไร Q4 พุ่งกระฉูด ชู 32 หุ้นทำกำไรได้แข็งแกร่ง สวนทิศทางเศรษฐกิจโลกผันผวน และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาส 4/58 (งวดเดือน ต.ค.-ธ.ค. 58) เทียบไตรมาส 3/58 (งวดเดือน ก.ค.- ก.ย.58) ทั้งตลาดฯจำนวน 118 บริษัท พบว่า มี 32 หลักทรัพย์ที่สามารถทำกำไรได้แข็งแกร่ง และสวนทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนมาได้ และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต หุ้นกลุ่มดังกล่าวจึงน่าจะเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นพื้นฐานดี มีกำไรแข็งแกร่ง เพื่อเลือกลงทุนในปี 59 ได้อย่างสบายใจ
ทั้งนี้ หุ้นที่มีหุ้นที่กำไรเติบโตเกิน 1000% มีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน ประกอบด้วย BGT และ HPT ส่วนหุ้นที่ทำกำไรเติบโตเกิน 100% มีมากถึง 11 ตัว ประกอบด้วย SPVI, TPCH, PHOL, ACAP, ATP30, TVT, ABICO, UAC, TNP, TMW และ DAII
ส่วนอีกกลุ่มเป็นหุ้นที่มีกำไรเติบโตเกิน 20% มีทั้งหมด 14 ตัวด้วยกันประกอบด้วย JUBILE, HTECH, QTC, APCO, EFORL, UBIS, PDG, FIRE, CPR, TMILL, FOCUS, GCAP, AF และ FVC
โดยอันดับ 1 คือ บริษัท บีจีที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BGT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 มีกำไรสุทธิ 4.79 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 1,531.42% เทียบไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 0.29 ล้านบาท
โดยบริษัทดำเนินธุรกิจค้าปลีกเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้เครื่องหมายการค้า Body Glove โดยการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าของตนเองและทางห้างสรรพสินค้า
อันดับ 2 บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 มีกำไรสุทธิ 5.65 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 1,000.39% เทียบไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 0.51 ล้านบาท บริษัทเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาประเภทไฟน์ไชน่า (Fine china) เพื่อใช้บนโต๊ะอาหารและเป็นเครื่องใช้ในครัว สำหรับการใช้งานในโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหารหรือบ้านที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ผลประกอบการของ HPT ในไตรมาส 4 เติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีการตกแต่งสี มีมูลค่าและอัตราส่วนกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น
ส่วนปี 59 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 140 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการจำหน่ายสินค้ามากขึ้นตามกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น และการขยายฐานลูกค้าใหม่ ส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิ บริษัทยังคงรักษาอัตราในระดับ 30% และ 8-10% ตามลำดับ
อันดับ 3 บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 มีกำไรสุทธิ 6.84 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 702.86% เทียบไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 0.85 ล้านบาท
โดยบริษัทประกอบธุรกิจหลักเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่าย (Reseller) ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ทั้งคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ประเภท iOS และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ Apple เป็นหลัก
อันดับ 4 บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 มีกำไรสุทธิ 34.42 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 551.28% เทียบไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 5.29 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสนี้ได้เริ่มเดินเครื่องจักรโรงไฟฟ้าชีวะมวลแห่งที่ 2 (MWE) ขนาดตามสัญญา PPA ที่ 8 MW ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทันที 86% ตั้งแต่กลางเดือน ต.ค.58 นอกจากนั้น โรงไฟฟ้า MWE ยังเป็นโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาแบบ Feed in Tariff (FiT) ซึ่งมีราคาขายไฟฟ้าที่แพงกว่าระบบ Adder ราว 36% หรือราว 1.3 บาท/ หน่วย อีกด้วย
ทั้งนี้บริษัทประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยมีบริษัท ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวล เป็นบริษัทแกน
อันดับ 5 บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) หรือ PHOL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 มีกำไรสุทธิ 16.22 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 521.69% เทียบไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 2.61 ล้านบาท โดยบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมและจัดจำหน่าย ออกแบบ ผลิต ก่อสร้าง และให้บริการเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภค และบริโภค
บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 25-30% จากปีก่อนที่ทำได้ 915 ล้านบาท โดยจะมีรายได้จากธุรกิจน้ำเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ธุรกิจหลักเดิม คือ สินค้าด้านชีวอนามัยและความปลอดภัย มีแผนงานจะเน้นการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV
โดยคาดอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 5% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยประมาณ 25-26% เนื่องจากมีการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น และได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำบริษัทมีอำนาจการต่อรองในแง่ของราคาวัตถุดิบ รวมถึงราคาสินค้ายังอยู่ในระดับคงเดิมหรืออาจมีลดลงเล็กน้อยตามสภาวะเศรษฐกิจ
อันดับ 6 บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 มีกำไรสุทธิ 14.34 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 275.47% เทียบไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 3.82 ล้านบาท โดยบริษัทฯให้บริการธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน ในการให้บริการธุรกิจการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และธุรกิจที่ปรึกษาการเงินและวาณิชธนกิจ
อันดับ 7 บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30 รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 มีกำไรสุทธิ 5.74 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้น 184.91% เทียบไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 2.02 ล้านบาท โดยบริษัทให้บริการรถโดยสารไม่ประจำทางเพื่อขนส่งพนักงานของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรม
โดยกำไรไตรมาส 4/58 ที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ประกอบกับบริษัทมีการบริหารจัดการในด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ของบริษัทปรับตัวลดลง
สำหรับปี 59 บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ประมาณ 310 ล้านบาท หรือเติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปี 58 ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการเจรจากับลูกค้าเดิมเพื่อเพิ่มจำนวนรถขนส่ง และลูกค้าใหม่ที่มีความสนใจใช้บริการจำนวนหลายราย คาดว่าจะทยอยได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 1 เป็นต้นไป
ส่วนหุ้นอันดับ 8-32 แม้จะไม่สามารถนำเสนอข้อมูลให้ได้ครบทุกตัว แต่เชื่อว่าผลกำไรที่สะท้อนในตารางข้างต้น น่าจะเป็นหลักยืนยันได้ว่าหุ้นเหล่านี้เป็นหุ้นที่น่าลงทุนและมีอนาคตสดใส แม้ในยามที่เศรษฐกิจไม่สดใสก็เป็นได้
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน