4 หุ้นขั้นเทพ ทะยานรับข่าวดีโบรกฯฟันธงกำไร Q1 กระฉูด!
คัด 4 หุ้นกลุ่มเหล็ก ราคาหุ้นพุ่งรับอานิสงส์ราคาเหล็กในปท.-ตลาดโลกฟื้น พร้อมมีแนวโน้มพุ่งอย่างต่อเนื่อง โบรกฯ มองกำไร Q1/59 โตทะลัก!
คัด 4 หุ้นกลุ่มเหล็ก ราคาหุ้นพุ่งรับอานิสงส์ราคาเหล็กในปท.-ตลาดโลกฟื้น พร้อมมีแนวโน้มพุ่งอย่างต่อเนื่อง โบรกฯ มองกำไร Q1/59 โตทะลัก!
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายเหล็กเส้นกลม, เหล็กเส้นข้ออ้อย, เหล็กลวด และเหล็กรูปพรรณขนาดเล็ก ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างเนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลดีหลังราคาเหล็กในตลาดโลก และในประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยล่าสุดราคาเหล็กรีดร้อนพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี ซึ่งจะส่งผลให้เหล็กในเกือบทุกสายธุรกิจได้รับอานิสงส์ด้านราคา
นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มดังกล่าวยังมีปัจจัยบวกจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะออกมาสดใส เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด สำหรับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ได้ทำการคัดเลือกจากเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 3 บจ. คือ บริษัท ค้าเหล็กไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMT, บริษัท บางสะพานบาร์มิล จำกัด (มหาชน) หรือ BSBM, บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ SAM และบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH
นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ (20 เม.ย.) ว่า อุปทานเหล็กในประเทศที่ตึงตัวเนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่ลดการผลิตลง และมีการชะลอการนำเข้าเหล็ก เมื่อยังไม่มีข้อสรุปเรื่อง AD เหล็กนำเข้าจากบราซิล, ตุรกี, อิหร่าน ส่งผลให้ราคาในประเทศปรับขึ้น 5% ในไตรมาส 1/59 และยังขยับขึ้นต่อในเดือนเม.ย.59
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (20 เม.ย.) ว่า ทิศทางราคาเหล็กในตลาด East Asia Import เมื่อสิ้นงวดไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมา มีทิศทางปรับขึ้นเป็นทิศทางเดียวกันกับราคาสินแร่เหล็ก โดยราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) และราคาเหล็กเส้น (Rebar) เพิ่มขึ้นประมาณ 32% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และ 26% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ตามลำดับ
ขณะที่ราคาเหล็กในประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% จากปีก่อน ปรับขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 (หลังจากเมื่อเดือน ก.พ. ดัชนีฯ เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน) หลักๆ มาจากสินค้าในหมวดเหล็ก เพิ่มขึ้นถึง 3.6% จากปีก่อน เนื่องจากราคาเหล็กในประเทศปรับสูงขึ้นในหลายผลิตภัณฑ์
โดยราคาเหล็กเส้นในประเทศขยับขึ้นเป็น 1.4 หมื่นบาท/ตัน เทียบกับช่วงเดือน ธ.ค. 58 ที่แกว่งตัวในช่วง 1.25-1.27 หมื่นบาท/ตัน เป็นผลจากเหล็กขาดตลาด สาเหตุเนื่องจากขาดวัตถุดิบในการผลิต Billet ที่นำเข้าจากจีนไม่เป็นไปตามกำหนด และเศษเหล็ก (Scrab) ไม่เพียงพอต่อการผลิต นอกจากนี้ โครงการก่อสร้างขนาดเล็กที่หน่วยราชการท้องถิ่นได้รับการจัดสรรงบประมาณ เช่น เงินลงทุนตำบลละไม่เกิน 5 ล้านบาท ที่ยังคงเดินหน้าได้ต่อเนื่อง ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนนำปริมาณการใช้เหล็กให้สูงขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลดีต่อ Metal Spread ผู้ผลิตเหล็กให้กว้างขึ้นในงวดไตรมาส 1/59 ส่งผลดีต่อเนื่องถึงผู้ผลิตเหล็กเส้น ได้แก่ TSTH และ BSBM ซึ่งคาดว่าผลประกอบการน่าจะ Turnaround ฟื้นตัวกลับมามีกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 1/59 และมีโอกาสที่นักวิเคราะห์กลุ่มเหล็กจะปรับประมาณการกำไรขึ้น อีกทั้งด้วยลักษณะร่วมของทั้ง 2 บริษัทที่ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่า Book Value จึงแนะนำ “เก็งกำไร”
นอกจากนี้ ได้มีการปรับประมาณการกำไรของ TMT ขึ้น โดยคาดกำไรงวดไตรมาส 1/59 โดดเด่นมาก ที่ 265 ล้านบาท เติบโต 3.1 เท่าตัวจากไตรมาสก่อน และ 2.8 เท่าตัวจากปีก่อน โดยแรงหนุนหลักๆ เกิดจากราคาขายเหล็กเฉลี่ยงวดไตรมาส 1/59 ที่ปรับขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนเป็น 1.89 หมื่นบาท/ตัน ตามทิศทางราคาเหล็กโลก และอุปทานเหล็กในประเทศที่ขาดแคลนในระยะสั้นจากการที่ผู้ผลิตเหล็กหลายรายขาดทุนในช่วงปีก่อนหน้า และประสบปัญหาสภาพคล่อง
ขณะที่ TMT มีสต็อกต้นทุนเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) ต้นทุนต่ำอยู่ คาดหนุน Gross Margin ไตรมาส 1/59 ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 14% เทียบกับที่ทำได้ 7.7% ในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/59 ยังมีทิศทางที่ดี ตามราคาขายเหล็กปัจจุบันที่ขึ้นต่อเนื่องทะลุ 2 หมื่นบาท/ตันแล้ว ด้วยราคาเหล็กที่ฟื้นตัวเร็วและแรงกว่าคาด ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 2559 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 55% เป็น 574 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน Expected PER เพียงแค่ 7.5 เท่า และมี Dividend Yield น่าจูงใจมากถึง 10.7% จึงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 13.18 บาท
นอกจากนี้ยังมี SAM ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อเหล็ก เพื่อใช้งานในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง บจ. ที่จะได้รับผลดีจากแนวโน้มราคาเหล็กโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน