ส่อง 4 กลุ่มหุ้นใหญ่สุดเจ๋ง! กำไรโตแรงปีนี้-ปีหน้า
ส่อง 4 กลุ่มหุ้นใหญ่สุดเจ๋ง! กำไรโตแรงปีนี้-ปีหน้า
บล. เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (28 เม.ย.) ว่า ฝ่ายวิจัยได้เตรียมปรับลดประมาณการกำไรตลาดปีนี้ลงจาก 90.25 สู่ 88.66 บาท/หุ้น ทำให้อัตราการเติบโตลดลงเหลือราว 28% ทั้งนี้ หากพิจารณาการเติบโตของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า การเติบโตหลักๆ มาจากกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
โดยกลุ่มพลังงาน Market Cap. คิดเป็น 16.6% คาดว่ากำไรสุทธิกลุ่มฯ ในปี 2559-60 เติบโตถึง 249% และ 13% ตามลำดับ โดยคาดธุรกิจน้ำมันและถ่านหิน (เฉพาะที่ฝ่ายวิจัยศึกษา) กำไรสุทธิกลุ่มฯ ในปี 2559 จะเติบโต 21.4% และเติบโต 3.8% ในปี 2560 โดยให้น้ำหนักการลงทุน มากกว่าตลาด เชื่อว่าราคาน้ำมันโลกกำลังมีการฟื้นตัวขึ้น หลังปัญหา oversupply คลี่คลาย และดอลลาร์ที่อ่อนค่า ทั้งยังมีโอกาสรวมกำไรจาก stock gain หากราคาน้ำมันโลกยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยเลือก PTT (ราคาเป้าหมาย 330 บาท) เป็นหุ้น top pick กลุ่ม รวมทั้ง PTTEP (ราคาเป้าหมาย 80 บาท) แต่เนื่องจากราคาปัจจุบันเริ่มมี upside เหลือน้อยลง จึงแนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
กลุ่มปิโตรเคมี Market Cap. คิดเป็น 3.6% คาดว่ากำไรสุทธิกลุ่มฯ ในปี 2559-60 เติบโต 23% และ 9% ตามลำดับ ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุน เท่าตลาด โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหลัก จาก Spread ทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มโอเลฟินส์และกลุ่มอะโรเมติกส์ ที่น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นน่าจะผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้วในไตรมาส 1/59 แต่ในไตรมาส 2/59 คาดยังประคองตัวได้จากแรงหนุนโดยช่วงฤดูกาลที่หยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นหลายแห่งทั่วโลกหลังจากเดินเครื่องเต็มที่ไปแล้วในช่วงฤดูหนาว และช่วงฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะอ่อนตัวลงในไตรมาส 3/59 ถึงต้นไตรมาส 4/59 ซึ่งเป็นช่วง low season ฝ่ายวิจัยจึงให้ switch หุ้นที่มีโครงสร้างของโรงกลั่นเป็นหลัก ได้แก่ TOP และ BCP ไปยังหุ้นที่มีสัดส่วนของธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหลัก คือ IRPC (ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท)
กลุ่มค้าปลีก Market Cap. คิดเป็น 8.7% คาดว่ากำไรสุทธิกลุ่มฯ ในปี 2559-60 เติบโต 11% และ 15.8% ตามลำดับ โดยให้น้ำหนักการเติบโตในครึ่งปีหลังของปี 2559 เป็นหลัก นำโดยกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กจะเติบโตแรงและน่าสนใจ เช่น COM7 จากยุคทอง 4G หนุนยอดขายและอัตราทำกำไรสินค้าสมาร์โฟน ตามด้วย TNP และ BEAUTYจากการเปิดสาขาเชิงรุก ขณะที่ กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่จะผูกติดกับภาวะเศรษฐกิจซึ่งคาดจะทยอยฟื้นตัวในครึ่งปีหลังของปี 2559 โดยผู้ที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่า คือ HMPRO และ ROBINS จากกลุ่มลูกค้ากลาง-บน มีกำลังซื้อสูงกว่า ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด เลือก COM7 (ราคาเป้าหมาย 9 บาท) เป็น Top pick
กลุ่มอสังหาฯ Market Cap. คิดเป็น 6.8% คาดว่ากำไรสุทธิกลุ่มฯ ในปี 2559-60 เติบโต 14% และ 2% ตามลำดับ โดยหากพิจารณาเฉพาะในส่วนของธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย (เฉพาะที่ฝ่ายวิจัยศึกษา) นั้น คาดว่ากำไรสุทธิกลุ่มฯ ในปี 2559 นี้จะหดตัวเล็กน้อย 1.5% จากปีก่อน แต่กำไรปกติเพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน ก่อนที่จะกลับมาเติบโต 6.8% จากปีก่อน ในปี 2560 ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักเท่ากับตลาด โดยกลยุทธ์การลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้ เน้น Selective Buy เลือกหุ้นที่มีกำไรเติบโตสูงกว่ากลุ่มฯ, ราคามี upside และ Div Yield น่าสนใจ รวมถึงระดับ PER ซื้อขายไม่แพง ได้แก่ SC (ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท) และ ANAN (ราคาเป้าหมาย 4.40 บาท)