รู้ก่อนใคร 5 หุ้นบลูชิพเข้าคำนวณ SET50การันตีรีเทิร์นเกิน 7% ภายในเดือนเดียว

เปิดรายชื่อ 5 หุ้น บลูชิพ ก่อนนำเข้าคำนวณ SET50 ครึ่งปีหลัง โบรกฯ การันตีสถิติชี้ชัดรีเทิร์นเฉลี่ย 7.3% ภายในเดือนเดียว

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะถูกคำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50 และ SET100 สำหรับงวดครึ่งปีหลังของปี 59 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกบจ.ที่เข้าออกรอบนี้ ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.59 โดยพบว่ามีหุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณเพิ่มทั้งหมด 5 บจ. และถูกถอดออกจำนวน 5 บจ.

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (23 พ.ค.) ว่า ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับงวดครึ่งปีหลังของปี 59 ในเบื้องต้น ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.59

สำหรับในส่วนของข้อมูลที่สมบูรณ์จำเป็นต้องใช้ข้อมูลครบทั้งหมดถึงสิ้นเดือน พ.ค.59 ซึ่ง ณ ปัจจุบันได้ใช้ Data คำนวณถึงสิ้น 17 พ.ค. 59 ยังเหลือข้อมูลที่ต้องใช้อีกราว 2 สัปดาห์ จึงอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ แต่เพื่อให้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จึงได้คำนวณออกมาก่อนในครั้งนี้ ดังมีรายละเอียดดังนี้

– หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 5 บริษัท คือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC,บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC

– หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ คือ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC, บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M,บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD และบริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS

โดยหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET50 กว่า 96% ของทั้งหมดจะปรับตัวขึ้นราว 7.3% ก่อนถูกนำเข้าคำนวณจริง สวนทางกับหุ้นที่ถูกคัดออกมักปรับตัวลง ทั้งนี้ข้อมูลตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน พบว่าหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงก่อนที่จะมีการนำเข้าไปคำนวณประมาณ 1 เดือน ซึ่งสวนทางกับหุ้นที่ถูกคัดออกที่มักจะปรับตัวลงล่วงหน้าเฉลี่ยราว 4% ในช่วงเดียวกัน (Appendix) 

 

– หุ้นที่คาดจะเข้า SET100 รอบนี้มี 10 บริษัท คือ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC, บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS,บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER,บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)หรือ  GLOBAL

อีกทั้งบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH, บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO, บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN,บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC, บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD และบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW

– หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ คือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS, บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP, บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL, บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN,บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC, บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M

อีกทั้งบริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PLAT,บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON, บริษัท ยูนิ เวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV และบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL

ทั้งนี้หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET100 มักปรับตัวขึ้นก่อนถูกนำเข้าคำนวณจริงเช่นเดียวกับ SET50 แต่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยน้อยกว่าราว 2.6% โดยหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET100 นั้น ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับหุ้นที่เข้า SET50 แต่ให้ผลตอบแทนด้อยกว่า ด้วยโอกาสราว 70% เท่านั้น ขณะเดียวกันหุ้นถูกคัดออกจาก SET100 ราคาก็มักจะทรงตัว หรือ Underperform เช่นเดียวกับหุ้นที่คัดออกจาก SET50 เช่นกัน (Appendix)   

กลยุทธ์สำหรับ SET50 หุ้น BEM, MTSL, SPRC ส่วน SET100 Play เลือก BCH, ERW, GLOBAL, JWD เด่น

ด้านกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่เข้า-ออก SET50-100 ให้เลี่ยงหุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET50-SET100 และเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50-SET100 โดยเลือก BEM, MTSL, SPRC เป็น Top Picks ในกลุ่มที่เข้า SET50 ขณะที่กลุ่มเข้า SET100 แนะ BCH, ERW, GLOBAL, JWD มีพื้นฐานดีสุด ส่วนหุ้นที่หลุด SET50-100 แนะนำเลี่ยงเลี่ยงระยะสั้น โดยระมัดระวังการลดน้ำหนักจาก Index Fund

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน