8 หุ้นอสังหาฯ ยิ้มแฉ่ง บ้านประชารัฐ เสริมทัพกำไร Q1/59 โตเด่น Dividend Yield สูงปรี๊ด

8 หุ้นอสังหาฯ ยิ้มแฉ่ง “บ้านประชารัฐ” เสริมกำไร Q1/59 โต Dividend Yield สูงปรี๊ดเกิน 5% ด้าน โบรกฯ แนะ “ซื้อ” ชี้อนาคตสดใส


8 หุ้นอสังหาฯ ยิ้มแฉ่ง “บ้านประชารัฐ” เสริมกำไร Q1/59 โต Dividend Yield สูงปรี๊ดเกิน 5% โบรกฯชี้อนาคตสดใส แนะ “ซื้อ”

 

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ ทำการสำรวจผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/59 (สิ้นสุด 31 มี.ค.59) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP) ในตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกบจ.ที่กำไรโดดเด่น และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เกิน 5% ซึ่งคัดเลือกได้ 8 บริษัทดังนี้

 

อันดับที่ 1 บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 556.09 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.039 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 540.66 ล้านบาทหรือมีกำไรสุทธิ 0.038 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน (24 พ.ค.) อยู่ที่ 7.69%

บล.เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.83 บาท โดยผลประกอบการรายไตรมาสจะขับเคลื่อนตามแผนโอนคอนโดมิเนียมใหม่ซึ่งความโดดเด่นจะอยู่ในไตรมาส 4/59 ที่กำหนดโอนคอนโดฯ JV 1 โครงการส่งผลให้เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในไตรมาสดังกล่าวรวมถึงเปิดขายพร้อมโอนโครงการ 98 Wireless

 

อันดับที่ 2 บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 1.99 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.17 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.34 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.12 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน (24 พ.ค.) อยู่ที่ 7.16%

บล.โกลเบล็ก แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10.30 บาท โดยปัจจัยพื้นฐานระยะยาวยังดีโดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายโครงการแนวราบที่ปรับดีขึ้น และการลงทุนในโครงการที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่องราคาเหมาะสมซึ่งอิง Prospect PER ที่ระดับ 16 เท่าได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 10.30 บาทซึ่งยังสูงกว่าราคาปิดล่าสุดทั้งนี้ นโยบายการจ่ายเงินปันผลอยู่ในอัตราสูง 80% โดยมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 6-7% ต่อปี

 

อันดับที่ 3 บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย)มีกำไรสุทธิ 1.27 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.57 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 891.09 ล้านบาทหรือมีกำไรสุทธิ 0.40 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน (24 พ.ค.) อยู่ที่ 7.00%

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27.30 บาท มองเทคนิคดี ราคาหุ้นซื้อขาย P/E ที่ 8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ในอดีตที่ 9 เท่า

 

อันดับที่ 4 บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย)มีกำไรสุทธิ 704.20 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.48 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 141% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 292.06 ล้านบาทหรือมีกำไรสุทธิ 0.20 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน (24 พ.ค.) อยู่ที่ 6.77%

บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/59 เติบโตจากการมีรายได้เพิ่มขึ้นและอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลง

 

อันดับที่ 5 บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 94.41 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.10 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 209% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.51 ล้านบาทหรือมีกำไรสุทธิ 0.04 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนวันนี้ (24 พ.ค.) อยู่ที่ 6.07%

นายวรสิทธิ์โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ MK เปิดเผยว่าไตรมาส 2/59 บริษัทรุกแผนเปิดตัวบ้านแบรนด์ใหม่ “ชวนชื่น แกรนด์” จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 1.7 พันล้านบาทเพื่อเจาะตลาดบ้านพรีเมียมโดยเฉพาะ คือโครงการชวนชื่น แกรนด์ ราชพฤกษ์พระราม 5 และโครงการชวนชื่น แกรนด์ เอกชัยบางบอน ด้วยระดับราคา 8-12 ล้านบาท

 

อันดับที่ 6 บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 103.34 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.13 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 123% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.16 ล้านบาทหรือมีกำไรสุทธิ 0.06 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน (24 พ.ค.) อยู่ที่ 6.05%

นายไชยยันต์ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร LALIN มั่นใจว่าปีนี้บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.4 พันล้านบาท หรือเติบโต 15% จากปีก่อน หลังมียอดขายใหม่ไตรมาส 1/59 กว่า 1 พันล้านบาท ส่งผลให้มียอดขายรอรับรู้รายได้ในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 950 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด

 

อันดับที่ 7 บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 744.41 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.07 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 559.30 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.05 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนวันนี้ (24 พ.ค.) อยู่ที่ 5.98%

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำ ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 2.70 บาท โดยแนวโน้มกำไรจะเติบโตไม่มากแต่สัดส่วนธุรกิจในโครงการแนวราบมากน่าจะทำให้ทางบริษัทประคองการเติบโตไปได้ในช่วงปีนี้ ราคาหุ้นล่าสุดยังซื้อขาย P/E เพียง 7-8 เท่าเทียบค่าเฉลี่ยที่ 9 เท่า

 

อันดับที่ 8 บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 469.44 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.1123 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 194% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 159.73 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.0382 บาทต่อหุ้น ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทน (24 พ.ค.) อยู่ที่ 5.88%

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.78 บาท คาดว่ากำไรปีนี้จะยิ่งไปสูงสุดในไตรมาส 2-3/59 จากการโอนคอนโด เซ็นทริคอารีย์ เต็มที่เนื่องจากเหลือยอดขายที่ยังไม่โอน (Backlog) ณ สิ้นปี 58 ถึง 2.4 พันล้านบาท

 

จากการที่รัฐบาลได้ดำเนินการตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการอนุมัติ “โครงการบ้านประชารัฐ” ในช่วงไตรมาส 1/59 ส่งผลให้หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง มีผลประกอบการดีขึ้นโดยโครงการดังกล่าวมีอายุ 2 ปี ซึ่งธนาคารกรุงไทยธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์จะเป็นผู้ให้การสนับสนุนวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเงื่อนไขผ่อนปรนสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกไม่ว่าจะเป็นบ้านใหม่หรือบ้านมือสอง และรวมถึงวงเงินกู้ตกแต่งปรับปรุงบ้านด้วย

 

*ทั้งนี้ ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่า นั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button