10 บจ.ฟอร์มหลุด Q1 ขาดทุนเพิ่มเกิน 100%
10 หุ้นฟอร์มหลุด กำไรไตรมาส 1/59 ขาดทุนเพิ่มเกินเท่าตัว
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/59 (สิ้นสุด 31 มี.ค.59) โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกจาก บจ. ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนเกิน 100% พบว่ามีหุ้นที่น่าสนใจทั้งหมด 10 และมี 4 บริษัท ที่ขาดทุนเกิน 500% ดังนี้
หุ้นที่มีผลประกอบการไตรมาส 1/59 ขาดทุนเกิน 100%
อันดับแรก บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ผู้ผลิตและจำหน่ายและจัดหา/ผลิตหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ และให้บริการโฆษณาและข้อมูลข่าวสาร ผ่านสื่อประเภทต่างๆ ได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุ และสื่อรูปแบบใหม่ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 39.55 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.01 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 1,273% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 2.88 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.001 บาทต่อหุ้น
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวขาดทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้จากการขายและบริการสำหรับไตรมาสแรกของปี 59 ลดลง โดยมีสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและส่งผลกระทบทำให้รายได้จากการขายโฆษณาลดลง และรายได้จากการจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ พ๊อคเก็ตบุ๊คส์ การ์ตูนและหนังสือเด็กล
อันดับที่ 2 บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ผู้ผลิตและจำหน่ายคอนกรีตมวลเบาระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังภายในอาคาร ภายใต้ชื่อ “SMART บล็อคเย็น” รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 ขาดทุนสุทธิ 8.82 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0192 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 764% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 1.02 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0022 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่มีขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ตัวเลขการเจริญเติบโตลดลง ภาคการส่งออกติดลบ ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยของราคาจำหน่ายลดลง ทาให้กำไรขั้นต้นของบริษัทลดลง
อันดับที่ 3 บริษัท ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TH ผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ให้บริการโฆษณาในหนังสือพิมพ์และรับจ้างพิมพ์งาน รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 15.94 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.00002 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 739% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 1.90 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.002 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนขายและบริการเพิ่มขึ้น (ต้นทุนจากธุรกิจค้าปลีก) อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น
อันดับที่ 4 บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วยการจัดสรรที่ดินและสร้างบ้านเพื่อขาย ธุรกิจอาคารชุดเพื่อขาย ธุรกิจรับบริหารโครงการ และธุรกิจโรงพยาบาล รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 49.99 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0148 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 699% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 6.25 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.0019 บาทต่อหุ้น
โดยผลการดำเนินงานที่ขาดทุน เนื่องจากบริษัทได้มีการเปิดขายโครงการเดอะโพลิแทน รีฟ ในช่วงเดือน ม.ค.59 ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาในการขายเพิ่มขึ้น และบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 138% จากค่าใช้จ่ายพนักงานและบุคลากรทางการแพทย์
ส่วนอันดับที่ 5-10 ได้แก่ บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS, บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL, บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC, บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC, บริษัท จุฑานาวี จำกัด (มหาชน) หรือ JUTHA และบริษัท ปรีชากรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRECHA
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ทั้ง 2 ด้าน ที่ บจ. ข้างต้นจะขาดทุนต่อเนื่อง หรือพลิกกลับมาทำกำไรได้ การเก็งกำไรในกลุ่มดังกล่าวนักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลพื้นฐานของบริษัทก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน เนื่องจากบริษัทบางรายที่มีกำไรลดลงหรือผลประกอบการขาดทุน อาจเกิดจากการใช้เงินเพื่อการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ซึ่งอาจจะส่งผลดีต่อบริษัทหลังจากนี้ ขณะที่บางบริษัทอาจเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาด หรือได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนสะท้อนภาพให้เห็นถึงความสามารถของผู้บริหาร และความแข็งแกร่งของตัวธุรกิจในอนาคตเอง
*ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่า