กลุ่มแบงก์เตรียมฟื้น! รับข่าวดี กนง.คัด 6 หุ้นตัวหลัก ราคาถูก-P/E ต่ำ

หุ้นกลุ่มแบงก์เตรียมฟื้น! รับข่าวดี กนง. คงดอกเบี้ย 22 มิ.ย.นี้ คัด 6 หุ้นตัวหลักราคาหุ้นยังถูก ด้าน P/E ยังต่ำกว่ากลุ่ม


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ได้ทำการสำรวจราคาหุ้น และราคาปิดต่อกำไรสุทธิ (P/E) ของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังพบว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ถึงราคาหุ้นของกลุ่มธนาคารว่าจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ในสัปดาห์นี้ จากปัจจัยบวกที่คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยเท่าเดิม เนื่องจากคาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งราคาหุ้นกลุ่มธนาคารสัปดาห์ก่อนปรับตัวลงค่อนข้างมากจากปัจจัยลบการลดดอกเบี้ยเงินฝาก อีกทั้งการนำบริการ Prompt-Pay ซึ่งลูกค้าจะเสียค่าธรรมเนียมไม่เกิน 10 บาทมาใช้ จึงเกิดความวิตกว่าจะกระทบรายได้ของกลุ่มธนาคาร

โดยบจ.กลุ่มธนาคารที่มี P/E ต่ำกว่ากลุ่มซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 10.12 เท่า มีทั้งหมด 6 บจ.ด้วยกัน ดังนี้

อันดับที่ 1 บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP ซึ่ง P/E ล่าสุดอยู่ที่ 7.42 เท่า ด้านราคาหุ้นปิดวานนี้ทรงตัวอยู่ที่ 34.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 102.40 ล้านบาท

อันดับที่ 2 บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ซึ่ง P/E ล่าสุดอยู่ที่ 8.17 เท่า ด้านราคาหุ้นปิดวานนี้อยู่ที่ 44.00 บาท ปรับตัวขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.57% มูลค่าซื้อขาย 9.46 ล้านบาท

อันดับที่ 3 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ซึ่ง P/E ล่าสุดอยู่ที่ 8.16 เท่า ด้านราคาหุ้นปิดวานนี้อยู่ที่ 16.40 บาท ปรับตัวลง 0.20 บาท หรือ 1.20% มูลค่าซื้อขาย 892.59 ล้านบาท

อันดับที่ 4 ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ซึ่ง P/E ล่าสุดอยู่ที่ 9.18 เท่า ด้านราคาหุ้นปิดวานนี้อยู่ที่ 40.75 บาท ปรับตัวขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.24% มูลค่าซื้อขาย 52.28 ล้านบาท

อันดับที่ 5 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ซึ่ง P/E ล่าสุดอยู่ที่ 9.06 เท่า ด้านราคาหุ้นปิดวานนี้อยู่ที่ 157.00 บาท ปรับตัวลง 1.00 บาท หรือ 0.63% มูลค่าซื้อขาย 719.44 ล้านบาท

อันดับสุดท้าย ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ซึ่ง P/E ล่าสุดอยู่ที่ 9.67 เท่า ด้านราคาหุ้นปิดวานนี้อยู่ที่ 2.16 บาท ปรับตัวลง 0.04 บาท หรือ1.82% มูลค่าซื้อขาย 394.65 ล้านบาท

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (20 มิ.ย.) แนะนำให้ติดตามผลการประชุมกนง. ในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่า กนง. จะคงดอกเบี้ยเท่าเดิม และเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารเนื่องจากตลาดคาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว ดังนั้นราคาหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจากผลกระทบของการปรับลดค่าธรรมเนียม ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ไม่แพงและมีโอกาสรีบาวด์เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับต่ำกว่า 1 เท่าของมูลค่าตามบัญชี

 

ด้านบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ข้อตกลงที่จะนำบริการ Prompt-Pay มาใช้ตั้งแต่เดือน ต.ค.59 ก่อให้เกิดความกังวลว่าจะทำให้รายได้ของกลุ่มธนาคารลดลงและทำให้ราคาหุ้นธนาคารปรับตัวลงแรง มองว่าแรงเทขายจากเรื่องนี้รุนแรงเกินไป เนื่องจากธนาคารยังคงมีรายได้ค่าธรรมเนียมการโอนอยู่บ้าง ขณะที่ต้นทุนการดำเนินงานน่าจะลดลงได้ ยังคงเลือก TISCO เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มจาก Platform ที่มีลักษณะเฉพาะ และ SCB จากความสามารถในการสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมอื่นมาชดเชยค่าธรรมเนียมที่ลดลง

แม้ว่าอัตราค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านบริการ Prompt-Pay (เก็บสูงสุด 10 บาท) จะดูเหมือนลดลงเยอะ แต่ผลกระทบจริงๆ กลับไม่ได้แย่ขนาดนั้น ทั้งนี้ รายได้จากค่าธรรมเนียมการโอนเงิน (รวมทั้งบัญชีบุคคลและบริษัท) อยู่ที่ประมาณ 3-4% ของรายได้รวมของธนาคาร และในกรณีเลวร้ายที่สุดที่เราสมมติให้รายได้ส่วนนี้เป็นศูนย์ ดังนั้นจะกระทบกับกำไรสุทธิแค่ประมาณ 6-7%

ขณะที่เมื่อดูจากจำนวนบัญชีเงินฝากที่ธนาคารใหญ่ และจำนวนผู้ใช้ I-Banking และ M-Banking พบว่า KBANK มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในธุรกรรม I-Banking และ M-Banking โดยมีฐานลูกค้าอยู่ประมาณ 9 ล้านบัญชี (ส่วนแบ่งตลาด 36%) โดยในจำนวนนี้ มีประมาณ 7 ล้านบัญชีเป็นบัญชีที่ใช้งาน M-Banking ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด M-Banking ที่สูงถึง 61%

Back to top button