PACE เด้ง 4% หลังขาย PP ให้กองทุนใหญ่ 500 ล้านหุ้น รับทรัพย์เกือบ 300 ลบ.
PACE เด้ง 4% หลังขาย PP ให้กองทุนใหญ่ 500 ล้านหุ้น รับทรัพย์เกือบ 300 ลบ. โดยล่าสุด ณ เวลา 16.10 น. อยู่ที่ระดับ 0.70 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 4.48% สูงสุดที่ระดับ 0.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.67 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 190.77 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ณ เวลา 16.10 น. อยู่ที่ระดับ 0.70 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 4.48% สูงสุดที่ระดับ 0.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.67 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 190.77 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงวันนี้ หลัง PACE ประกาศขายหุ้นเพิ่มทุน (PP) ให้กองทุน Asia Alpha Equity Fund 2 จำนวน 500 ล้านหุ้น คิดเป็นประมาณ 4.15% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยเสนอขายที่ราคาหุ้นละ 0.58 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 290 ล้านบาท
ทั้งนี้ PACE ได้แจ้งข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้ (29 ส.ค.) อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับกองทุน Asia Alpha Equity Fund 2 จำนวน 500 ล้านหุ้น คิดเป็นประมาณ 4.15% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยเสนอขายที่ราคาหุ้นละ 0.58 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 290 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทและผู้จองซื้อหุ้นได้เข้าลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้นแล้วในวันนี้ และบริษัทจะต้องเสนอขายหุ้นดังกล่าวให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) ภายใน 3 วันนับจากวันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการกำหนดราคาเสนอขายในครั้งนี้
สำหรับหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทจะจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด จำนวนรวม 1.5 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ Dean & DeLuca China (HK) Co., Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PACE ถือหุ้นทางอ้อม 100.00% เข้าทำสัญญาเพื่อกำหนดกรอบข้อตกลงกับ Kinghill Overseas Holding Limited (Kinghill) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือซีพี) ภายใต้สัญญากำหนดกรอบข้อตกลงดังกล่าว
โดยคู่สัญญาตกลงที่จะเจรจาเรื่องการเข้าทำสัญญาให้สิทธิแฟรนไชส์หลักแต่เพียงผู้เดียวแก่ Kinghill และ/หรือบริษัทในเครือ ในการเปิดและบริหารจัดการร้านกาแฟและมาร์เก็ต Dean & DeLuca ในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยตั้งเป้าขยายร้าน ดีน แอนด์ เดลูก้า 500 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี โดย Kinghill และ/หรือ บริษัทในเครืออาจขยายระยะเวลาออกไปได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาแฟรนไชส์หลัก
ทั้งนี้ การเข้าทำสัญญาแฟรนไชส์หลักจะต้องแล้วเสร็จภายใน 60 วันนับจากวันที่เข้าทำสัญญากำหนดกรอบข้อตกลง เว้นแต่คู่สัญญาจะขยายระยะเวลาออกไป และจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขบังคับก่อนที่ระบุไว้ในสัญญาดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการได้รับอนุมัติที่จาเป็นของคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องในสัญญาแฟรนไชส์หลักตามข้อกำหนดที่ใช้บังคับของหน่วยงานกำกับดูแล ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ/หรือ หน่วยงานราชการที่จำเป็นในการเข้าทำสัญญาแฟรนไชส์หลัก และในการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาดังกล่าว รวมทั้งได้รับความยินยอมจากธนาคารไทยพาณิชย์
นอกจากนี้ Kinghill ได้แสดงความสนใจที่จะลงทุนในบริษัทย่อย โดยเข้าทำสัญญากำหนดกรอบข้อตกลงกับบริษัท ดีน แอนด์ เดลูก้า เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถือหุ้นทางตรง 100.00% ในบริษัทย่อย ทั้งนี้คู่สัญญาตกลงที่จะเจรจาเพื่อให้ บริษัท ดีน แอนด์ เดลูก้า เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ให้สิทธิ Kinghill และ/หรือ บริษัทในเครือ ในการซื้อหุ้นไม่เกิน 49% ของบริษัทย่อย โดยมีสิทธิในการซื้อหุ้นในบริษัทย่อยจำนวนสองส่วน แบ่งเป็นหุ้นจำนวน 30% และหุ้นจำนวน 19% โดยราคาต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่คู่สัญญาตกลงกันในสัญญา การเข้าทำสัญญาให้สิทธิในการซื้อหุ้นจะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ต.ค.61 เว้นแต่คู่สัญญาจะขยายระยะเวลาออกไป
ด้านนายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ PACE เปิดเผยว่า เครือซีพี และ Kinghill มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญในตลาดประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นในด้านรีเทล ลอจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์ และอีคอมเมิร์ซและเครือข่ายดิจิตัล ประกอบกับความเชี่ยวชาญของบริษัท และ ดีน แอนด์ เดลูก้า ด้านดีไซน์ และการคัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพเยี่ยม จะทำให้แบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้า ซึ่งเป็นแบรนด์ที่นับได้ว่ามีศักยภาพสูงได้รับการตอบรับและชื่นชอบจากผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างรวดเร็ว
“จากข้อมูลของ สภาการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน (China Council for the Promotion of International Trade :CCPIT) พบว่าตลาดรีเทลรวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในจีนมีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากนักบริโภคชาวจีนรุ่นใหม่ เต็มใจที่จะซื้อสินค้าที่มีคุณภาพและมีเอกลักษณ์ในราคาที่สูงขึ้น ซึ่ง ดีน แอนด์ เดลูก้า ถือว่าเป็นแบรนด์จากนิวยอร์คที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีสินค้าและการบริการที่ดี เมื่อผนวกกับความแข็งแกร่งของ Kinghill ในจีน เพซฯ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ รวมถึงสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างน่าพอใจให้แก่ทั้งสองฝ่าย” นายสรพจน์ กล่าว
โดยปัจจุบัน ดีน แอนด์ เดลูก้า มีสาขาทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 70 สาขา โดยแบ่งเป็นสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ จำนวน 32 สาขา ใน 9 ประเทศ และเพซฯ เป็นเจ้าของกิจการในสหรัฐอเมริกา จำนวน 6 สาขา ในประเทศไทยจำนวน 11 สาขา และยังถือหุ้น 50% ใน ดีน แอนด์ เดลูก้า แบบคาเฟ่ที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 21 สาขา อีกทั้งยังมีแผนขยายสาขาทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดย สาขาที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ สาขาที่สนามบินฮ่องกง เทอร์มินอล 1 และ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการภายในเดือนก.ย.61