BCPG ยันไม่กระทบญี่ปุ่นหั่นค่าไฟโซลาร์ฯเหตุส่งเอกสารก่อนเดดไลน์ ฟากนลท.ดั๊มป์หุ้นรูด4%
BCPG ยันไม่กระทบญี่ปุ่นหั่นค่าไฟโซลาร์ฯเหตุส่งเอกสารก่อนเดดไลน์ ฟากนลท.ดั๊มป์หุ้นรูด4%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ล่าสุด ณ เวลา 11.36 น. อยู่ที่ระดับ 15.00 บาท ปรับตัวลดลง 0.60 บาท หรือ 3.85% สูงสุดที่ระดับ 15.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 115.10 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการล้างท่อโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของญี่ปุ่น โดยกำหนดให้ผู้ที่ยังไม่ได้มีความคืบหน้าในการดำเนินการพัฒนาโครงการ เช่น ยังไม่มีที่ดิน หรือยังไม่มีการจ่ายค่าเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Connection) จะถูกบีบลดอัตรารับซื้อค่าไฟลง โดยบริษัทจะต้องส่ง Grid Connection ภายในวันที่ 31 ส.ค.62 เพื่อให้ผู้รับซื้อไฟฟ้าอนุมัติภายใน 30 ก.ย.62
อย่างไรก็ตาม นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCPG เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีการเปลี่ยนนโยบายรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยผู้ประกอบการต้องยื่นขอเอกสารประกอบการเชื่อมต่อสายส่ง (Grid Connection Application) ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2562 หากดำเนินการไม่ทันจะถูกลดราคารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed -in-Tariff (FIT) เหลือ 21 เยนต่อหน่วยนั้น
ทั้งนี้ BCPG มีโครงการที่เข้าข่ายนโยบายดังกล่าวเพียงโครงการเดียวคือ โครงการโรงไฟฟ้ายาบูกิ (Yabuki) กำลังการผลิตติดตั้ง 27.9 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯ ขอยืนยันว่า สามารถดำเนินการยื่นขอเอกสารได้ทันตามเวลาที่กำหนด นโยบายดังกล่าวจึงไม่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ แต่อย่างใด
โดยบริษัทมีโครงการโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นราว 150 เมกะวัตต์ และได้ขาย 2 โครงการออกไปเมื่อปลายปีก่อนรวม 27.6 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่ผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 17.4 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีกราว 100 เมกะวัตต์ จาก 3 โครงการ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา โดย 2 โครงการอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะ COD ได้ในช่วงปลายปี 62
ส่วนอีก 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 27.9 เมกะวัตต์นั้น ปัจจุบันได้ยื่นเอกสารรายละเอียดการดำเนินการโครงการไปแล้วตามกำหนดระยะเวลา ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีการล้างท่อโครงการของทางการญี่ปุ่น ทั้งนี้ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงกลางปี 62 และเริ่ม COD ได้ในปี 63
“โครงการที่ญี่ปุ่นตอนนี้เหลือ 3 โครงการ เรากำลังก่อสร้าง 2 โครงการ ส่วนโครงการที่มีข่าวนั้นกระบวนการต้องยื่นเอกสารในอีก 8 เดือนข้างหน้าซึ่งขณะนี้เราก็ได้ส่งเอกสารไปแล้ว เราไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ และคาดว่าโครงการนี้จะเริ่มก่อสร้างกลางปีนี้ COD ได้ในช่วงปี 2020” นายบัณฑิต กล่าว
นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจพลังงานลมที่บริษัทฯ ตั้งเป้าลงทุน 1,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี และยังมีโครงการในธุรกิจ digital energy ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอีกหลายโครงการ