COM7 รูดต่อ 7% หลังปิดบริการ 256 สาขาคาดกระทบรายได้ 45% โบรกฯแนะเลี่ยงลงทุน!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ล่าสุด ณ เวลา 10.20 น. อยู่ที่ 15.60 บาท ลบ 1.20 บาท หรือ 7.14% สูงสุดที่ 17.10 บาท ต่ำสุดที่ 14.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 145 ล้านบาท

โดย บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากประกาศ กทม. ตามด้วย จังหวัดปริมณฑล และอีกหลายจังหวัด ประกาศปิดทำการสถานที่เสี่ยง 26 ประเภท รวมถึงห้างสรรพสินค้า ตลาดและตลาดนัด เป็นเวลา 22 วัน (22 มี.ค. – 12 เม.ย.) เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 เช่นเดียวกับ กทม. ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา หรือสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และร้านอาหาร (ที่จำหน่ายเพื่อกลับไปบริโภคที่อื่น)นอกนั้นเป็นสถานที่ที่มีคนไปรวมตัวกันจำนวนมาก

ทั้งนี้ MAKRO CPALL ได้ประโยชน์สูงสุด โดยยังเปิดทำการทุกสาขา คาดว่าได้อานิสงส์ โดยเฉพาะในช่วงปลายไตรมาส 1/2563 จนถึงต้นไตรมาส 2/2563 หนุน SSSG เป็นบวก โดยเฉพาะ MAKRO คาดบวกได้ถึง 5-6% จากการกักตุนสินค้าของผู้บริโภค เพื่อเตรียมรับมือกับ COVID-19 หากมีความรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับ CPALL ยังมีปัจจัยกดดันราคาหุ้นจากการดีลซื้อ TESCO จึงทำให้ MAKRO เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงและมีปัจจัยลบน้อยที่สุด (Median Consensus 37.50 บาท/หุ้น)

ส่วน  BJC บิ๊กซีเปิดปกติ การปิดพื้นที่เช่ากระทบรายได้เล็กน้อย สัดส่วนรายได้จากบิ๊กซีราว 70%ของยอดขายรวม 63%ของกำไรสุทธิ โดยยังเปิดปกติทุกสาขา อย่างไรก็ตาม คาดมีการปิดพื้นที่ให้เช่า โดยมีรายได้ค่าเช่าราว 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปี คิดเป็นราว 7%ของรายได้รวมของ BJC ปี 2562 โดยจากสมมติฐานกรณีเลวร้ายสุด หากไม่มีรายได้ค่าเช่า 30 วัน จะกระทบรายได้รวมเพียงไม่ถึง1%

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมี Platform Online แต่คาดว่ายังไม่สามารถชดเชยยอดขายที่ลดลงจากการปิดสาขาได้ ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ HMPRO GLOBAL DOHOME BEAUTY COM7 MC และ CRC โดย CRC มีสัดส่วนยอดขายกลุ่มอาหาร (TOPS และ Family Mart) ในประเทศราว 5.4 หมื่นล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนยอดขายราว 30% ของยอดขายรวม ซึ่งยังน้อยกว่ากลุ่มแฟชั่นและฮาร์ดไลน์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ

ขณะที่วานนี้ (24 มี.ค.) COM7 แจ้งว่าร้านจำหน่ายสินค้าและศูนย์บริการรับซ่อมสินค้าและบริการของบริษัทที่เปิดให้บริการภายใต้ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และ Community Mall ที่ทางราชการมีคำสั่งให้ปิดบริการชั่วคราว จำนวน 256 สาขา จาก 801 สาขา ตามระยะเวลาที่ประกาศของแต่ละจังหวัดกำหนดเช่นกัน และจะเปิดให้บริการเมื่อทางราชการประกาศให้เปิดให้บริการได้ตามปกติ ทั้งนี้การปิดให้บริการชั่วคราวของบางสาขาดังกล่าวจะส่งผลต่อรายได้โดยรวมของบริษัทประมาณ 45%

อย่างไรก็ตาม ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าหรือใช้บริการได้อย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางออนไลน์เว็บไซด์ www.BNN.in.th สำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์สามารถติดต่อโดยตรงทางโทรศัพท์ผ่าน Call Center ที่หมายเลข 02-017-7770 พนักงานจะสามารถช่วยรับคำสั่งซื้อและให้คำแนะนำข้อมูลสินค้าและบริการหลังการขาย ในช่วงระหว่างปิดให้บริการชั่วคราวนี้บริษัทจะเพิ่มช่องทางการให้บริการผ่านช่องทางทางโทรศัพท์เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนการลดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทได้เปิดบริการให้เช่า โน๊ตบุ๊ค และ แท็ปเล็ต แก่องค์กร เพื่อเป็นการส่งเสริมให้องค์กรต่างๆให้พนักงาน Work From Home