BPP เดินหน้าพัฒนา รฟฟ.เต็มสูบ จัดแผนรับมือ “โควิด” ปิดความเสี่ยงกระทบธุรกิจ

BPP เดินหน้าพัฒนา รฟฟ.เต็มสูบ จัดแผนรับมือ “โควิด” ปิดความเสี่ยงกระทบธุรกิจ


นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าทุกแห่งของบ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังสามารถเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะของการเกิดโควิด-19 บริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการทั้งแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจและการบริหารการเงินเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

โดยดำเนินมาตรการป้องกันต่างๆ อย่างเคร่งครัดตามแนวทางที่รัฐบาลในแต่ละประเทศกำหนด มีการบริหารต้นทุนอย่างรัดกุม มุ่งเน้นการรักษาประสิทธิภาพและเสถียรภาพของทุกๆ โรงไฟฟ้า และความสามารถในการรักษาสถานะทางการเงินไว้เป็นอย่างดี ทำให้ผลประกอบการทั้งในส่วนของพอร์ตพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ประเทศจีนรายงานผลกำไรที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำในช่วงฤดูหนาว โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งได้ผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าและไอน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการแก่ชุมชน

รวมถึงลูกค้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะกลุ่มที่ผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อใช้ในการรักษาโรคในช่วงที่เกิดการระบาดในประเทศ นอกจากนี้ การลงทุนในบ้านปู เน็กซ์ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนแล้ว ถือเป็นการเพิ่มโอกาสการเติบโตโดยเฉพาะด้านธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานอย่างครบวงจร”

สำหรับไตรมาส 1/2563 บ้านปู เพาเวอร์ฯ มีรายได้รวม 1,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่แล้ว ประกอบด้วยรายได้จากการขายไฟฟ้าในจีน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่ง จำนวน 1,626 ล้านบาท โดยมีการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำรวมทั้งน้ำร้อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และร้อยละ 25 ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

อีกส่วนหนึ่งมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 7 แห่ง จำนวน 89 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินงานเพียง 2 เดือน ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการรายงานในรูปแบบส่วนแบ่งกำไรภายหลังการปรับโครงสร้างการลงทุนเสร็จสิ้นต้นเดือนมีนาคม 2563 และรายได้จากธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า หรือ Energy Trading ในญี่ปุ่นจำนวน 128 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าจำนวน 1,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว

ส่วนหลักมาจากโรงไฟฟ้าหงสาที่รายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 1,122 ล้านบาท (รวมผลกำไรจากการแปลงค่าเงินแล้วจำนวน 151 ล้านบาท) ส่วนโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีรายงานส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 200 ล้านบาท (ยังไม่รวมผลขาดทุนจากภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจำนวน 243 ล้านบาท และผลขาดทุนจากการแปลงค่าเงินจำนวน 26 ล้านบาท)

ดังนั้นจึงรายงานส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 70 ล้านบาท นอกจากนั้น ธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน ภายใต้การดำเนินงานของบ้านปู เน็กซ์ รายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 32 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานเดือนมีนาคมเพียง 1 เดือน

โดย ณ ปัจจุบัน บ้านปู เพาเวอร์ฯ มีโรงไฟฟ้าและโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด 33 แห่ง แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) แล้ว 24 แห่ง และอยู่ระหว่างการพัฒนา  9 โครงการ กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 2,784 เมกะวัตต์เทียบเท่า คิดเป็นกำลังผลิตที่ COD แล้ว 2,250 เมกะวัตต์เทียบเท่า (รวมส่วนแบ่งกำลังผลิตจากการปรับโครงสร้างการลงทุนในบ้านปู เน็กซ์) บริษัทฯ เดินหน้าการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (Shanxi Lu Guang) ในจีน กำลังผลิต 396 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น ยามางาตะ (Yamagata) 20 เมกะวัตต์ และยาบูกิ (Yabuki) 7 เมกะวัตต์

รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ระยะที่ 1 ในเวียดนาม 30 เมกะวัตต์ ตามแผน โดยคาดว่าจะทยอย COD ในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ ทั้งนี้ หากสถานการณ์โควิด-19 ยังคงดำเนินต่อไป บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมและมาตรการในการรับมืออย่างฉับไวและจำกัดผลกระทบให้เกิดน้อยที่สุด เพื่อให้โครงการโรงไฟฟ้าเดินหน้าพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง

“เพื่อไปถึงเป้าหมายกำลังผลิต 5,300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 บริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง เดินหน้าพัฒนาและก่อสร้างโครงการต่างๆ ให้สามารถ COD ได้ตามแผน และมุ่งหน้าแสวงหาโอกาสในการลงทุนทั้งในประเทศที่ดำเนินธุรกิจอยู่และประเทศที่มีศักยภาพตามกลยุทธ์ Greener & Smarter อย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด และได้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านเพื่อปรับตัวให้ทันกับกระแสของความปกติใหม่ (New Normal) ที่กำลังเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันกับวิถีชีวิตและการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เพื่อให้มั่นใจว่าโรงไฟฟ้าทุกแห่งสามารถเดินเครื่องผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างราบรื่นและเต็มกำลัง

อีกทั้งยังมุ่งขยายการเติบโตในพอร์ตพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานเพื่อเสริมธุรกิจผลิตไฟฟ้าให้แข็งแกร่งและสอดรับกับกระแสพลังงานแห่งโลกอนาคตได้ดียิ่งขึ้น  ความชำนาญในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า และการผนึกพลังร่วมกับกลุ่มบ้านปูฯ จะทำให้บ้านปู เพาเวอร์ฯ ก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มมูลค่าและรักษาสมดุลระหว่างกระแสเงินสดและผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social and Governance: ESG)” นายกิรณ กล่าว

Back to top button