GULF ตั้งบ.ย่อย “กัลฟ์1” รุกธุรกิจโซลาร์เต็มสูบ ตั้งเป้าติดโซลาร์รูฟแตะ 300 MW ในปี 64
GULF ตั้งบ.ย่อย "กัลฟ์1" รุกธุรกิจโซลาร์เต็มสูบ ตั้งเป้าติดโซลาร์รูฟแตะ 300 MW ในปี 64
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งว่าการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท กัลฟ์1 จำกัด (GULF1) ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งบริษัทย่อยนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์ทุกรูปแบบ เช่น โซลาร์ฟาร์ม รวมถึงโซลาร์รูฟท็อป และการให้บริการบำรุงรักษาระบบพลังงานดังกล่าวแบบครบวงจร
ด้าน นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน ของ GULF เปิดเผยว่า การจัดตั้ง GULF1 ขึ้นเพื่อความคล่องตัวในการบริหารธุรกิจแบบรีเทล ที่ต้องใช้ความรวดเร็วในการสนองตอบความต้องการของลูกค้า และเพื่อให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี นอกจากจะช่วยสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังสามารถเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรให้กับกลุ่มกัลฟ์ด้วยเช่นกัน เนื่องจากกัลฟ์มีฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ และมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ จึงสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย GULF1 ตั้งเป้าจะลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับลูกค้าไม่ต่ำกว่า 300 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 2564 ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าจะสามารถสร้างรายใด้ให้กับกลุ่มกัลฟ์ได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“บริษัทได้เดินหน้าลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเน้นการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมกว่า 1,000 เมกกะวัตต์นั้น กัลฟ์ยังได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการทำธุรกิจโซลาร์ในประเทศไทยด้วยการลงทุนในโครงการโซลาร์ในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา กัลฟ์มีฐานลูกค้าซึ่งเป็นลูกค้าอุตสาหกรรมของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 19 โครงการที่มีความต้องการในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปอยู่แล้ว และยังสามารถที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ และกลุ่มพาณิชยกรรมที่มีความแข็งแกร่งทางธุรกิจด้วยเช่นกัน”
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในหุ้นบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ตามที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ลงทุนไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ INTUCH ภายในวงเงิน 19,000 ล้านบาทนั้น ณ วันที่ 6 ต.ค.63 บริษัทได้เข้าถือหุ้น INTUCH เป็นจำนวน 320,650,943 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการ