“ผบช.น.” ยันไม่ใช่ฝีมือตำรวจ! ยิงแก๊สน้ำตาใส่ม็อบเคาะหม้อวานนี้ เร่งสืบหามือมืดก่อเหตุ
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันตำรวจไม่มีการใช้แก๊สน้ำตากับม็อบราษฎรวานนี้ เร่งสืบ-รวบรวมพยานหลักฐาน หามือมืดก่อเหตุ
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ชี้แจงกรณีที่มีการพบระเบิดควันที่ยังมีสลักอยู่ รวมถึงมีผู้ชุมนุม สื่อมวลชน และประชาชนในบริเวณ สน.ปทุมวัน ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาระหว่างการชุมนุมของกลุ่มราษฎรคืนวานนี้ (10 ก.พ.64) ว่า แก๊สน้ำตาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากฝั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอน ส่วนจะเป็นบุคคลใดที่ใช้อยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน
ผบช.น. กล่าวว่า ตามขั้นตอนการปฏิบัติในการใช้แก๊สน้ำตาจะมีการแจ้งเตือนก่อน จากนั้นจะมีการปรับรูปขบวนเพื่อให้ได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตาน้อยที่สุด อีกทั้งเจ้าหน้าที่จะต้องใส่หน้ากากป้องกันด้วย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการประกาศเตือน ปรับรูปขบวน หรือใส่หน้ากากป้องกันใด
ส่วนกรณีมีภาพระเบิดควันปรากฏในโลกโซเซียลนั้น พล.ต.ท.ภัคพงษ์ ยอมรับว่า ระเบิดควันในรูปแบบดังกล่าวมีใช้ภายในราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จริง แต่ในช่วงการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมามีทรัพย์สินทางราชการสูญหาย ถูกรื้อค้น ถูกขโมยไปเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือระเบิดควัน ส่วนจะมาจากหน่วยใดอยู่ระหว่างการตรวจสอบหมายเลขที่ปรากฏบนวัตถุพยาน และจะต้องตรวจสอบลายนิ้วมือ รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วย
ขณะที่จากการตรวจสอบชุมนุมเมื่อวานนี้ เบื้องต้นพบว่าผู้ชุมนุมได้กระทำความผิดกฎหมายหลายข้อ อาทิ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ควบคุมโรค, ทำร้ายเจ้าพนักงาน, ขัดขวางการทำงานเจ้าที่ และความผิดตาม พ.ร.บ.ความสะอาด ส่วนข้อหาอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมีทรัพย์สินทางราชการเสียหายและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ โดยมีรถยนต์เสียหาย 8 คัน เป็นของ สน. ปทุมวัน 4 คัน ของสน.อื่นที่ขอกำลังมา 4 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 7 นายจากการถูกกลุ่มผู้ชุมนุมกว้างสิ่งของและปาระเบิดปิงปองเข้าใส่
ผบช.น. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บการชุมนุมหลายนาย จึงเตรียมพิจารณานำอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนมาใช้เต็มรูปแบบ โดยจะพิจารณาใช้ตามสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้น อาทิ ปืนตาข่าย กระสุนยาง แต่อุปกรณ์ทั้งหมดนี้จะเลือกนำมาใช้เป็นมาตรการสุดท้าย
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่รัฐสภาในช่วงระหว่างวันที่ 16-19 ก.พ.นี้ จากการข่าวยังไม่พบว่าจะมีการใช้ความรุนแรงหรือจะมีการชุมนุมใหญ่เกิดขึ้น