“ศักดิ์สยาม” ตั้ง คกก.หาตัวคนทำเสียค่าโง่โฮปเวล์ นัดถก 25 ก.พ. แจงติดข้อกม. เหตุล่าช้า
“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ตั้ง คกก.หาตัวคนทำเสียค่าโง่โฮปเวล์ นัดถก 25 ก.พ. แจงติดข้อกม. เหตุล่าช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.50 น. วันนี้ (16 ก.พ.64) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงกรณีที่ นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน และ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจฯ กรณีโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร (โฮปเวลล์)
โดยนายศักดิ์สยาม ระบุว่า ตามข้อห่วงใยสมาชิกที่ว่า กระทรวงคมนาคมอาจสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น อาจเสียค่าโง่มากกว่าที่ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยเมื่อปี 2562 ขอเรียนว่า เรื่องนี้ตนได้ศึกษาข้อกฎหมาย และได้นำความกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อให้วินิจฉัยในการที่จะออกคำสั่งหาตัวผู้ที่กระทำความผิดละเมิด เรื่องนี้มีการออกคำสั่งไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา
“อาจจะมีคำถามว่าทำไมเพิ่งเริ่มหาตัวผู้กระทำผิด ต้องเรียนว่า กระทรวงคมนาคมพยายามที่จะต่อสู้เรื่องนี้ว่า หลังจากมีคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดแล้ว กระทรวงคมนาคมนำเรื่องนี้ยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา เพื่อวินิจฉัยข้อสงสัย ข้อกฎหมาย เพื่อนำไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถ้ามีการวินิจฉัยที่สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการรื้อฟื้นคดีใหม่ จะเป็นประโยชน์ที่ไม่ต้องดำเนินการ”
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนการหาตัวผู้กระทำผิดทางละเมิด ตาม พ.ร.บ.การรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 มาตรา 10 (2) บัญญัติไว้ว่า สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่ ให้มีกำหนดอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐ รู้ความละเมิด และรู้ตัวเจ้าหน้าที่ ต้องทำ 2 อย่าง ขณะนี้ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยแล้วว่ามีการละเมิดเกิดขึ้น เป็นหน้าที่กระทรวงคมนาคมออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการหาตัวเจ้าหน้าที่ที่ทำให้เกิดความละเมิด องค์ประกอบ 2 อย่างนี้ถ้าครบแล้วจึงจะนับอายุความ 2 ปี
ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อหาตัวเจ้าหน้าที่ที่ทำผิดทางละเมิด แต่หากคณะกรรมการตรวจสอบแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง กระทรวงคมนาคมก็จะรายงานกระทรวงการคลังวินิจฉัยอีกทีหนึ่ง หากกระทรวงการคลังมีคำวินิจฉัยว่ามีเจ้าหน้าที่ที่ทำผิดทางละเมิด กระทรวงคมนาคมจะมีเวลา 1 ปีในการดำเนินคดี
“สิ่งเหล่านี้ที่เป็นข้อกังวล ไม่ต้องกังวล นายกรัฐมนตรีกำชับไว้แล้วว่าให้ดำเนินการเรื่องนี้ตามกฎหมาย อะไรที่ถูกจะต้องถูก อะไรที่ผิดจะต้องผิด ไม่มีอะไรที่รัฐบาลนี้ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะทำถูกให้เป็นผิด ทำผิดให้เป็นถูก” นายศักดิ์สยาม กล่าว
ต่อมา นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน และ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยได้ลุกขึ้นอภิปรายขอความชัดเจนอีกครั้งว่า การออกคำสั่งหาตัวผู้กระทำความผิดทางละเมิด เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2564 ซึ่งอยู่ในช่วงที่คดีกำลังจะหมดอายุความ จึงแสดงให้เห็นว่าการออกคำสั่งตอนนี้เป็นเพราะจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เพื่อที่จะได้นำเรื่องคำสั่งนี้มาใช้ตอบในสภา ส่วนเรื่องอายุความนั้น ตนคิดว่า รมว.คมนาคม ยังไม่เข้าใจตรงกับตน เพราะท่านบอกว่าการนับอายุความต้องนับตั้งแต่วันที่รู้ตัวผู้กระทำความผิดทางละเมิด แต่โดยความเข้าใจทางกฎหมายนั้น กฎหมายฉบับนี้ตีความได้ว่าต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดและต้องรู้แล้วว่าใครกระทำความผิด ซึ่งนั่นคือผู้ที่สั่งยกเลิกโครงการนี้ และถ้าเริ่มนับความอายุความตั้งแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดเมื่อเดือน เม.ย.2562 ก็จะหมดอายุความในเดือน เม.ย.2564 ดังนั้น การเพิ่งออกคำสั่งหาตัวคนทำผิดจึงแสดงถึงพิรุธชัดเจน
จากนั้น นายศักดิ์สยาม ได้กล่าวชี้แจงว่า กระทรวงคมนาคมได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในเรื่องข้อกฎหมายแล้ว ได้รับการยืนยันว่าการนับอายุความของคดีนี้ต้องเริ่มทำเมื่อองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ เมื่อรัฐรู้ว่ามีการละเมิด และรู้ตัวเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดทางละเมิด ตนยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้มีการส่งข้อมูลหลักฐานทั้งหมดให้คณะกรรมการตรวจสอบหาตัวผู้กระทำความผิดทางละเมิดแล้ว และคณะกรรมการชุดนี้จะมีการประชุมในวันที่ 25 ก.พ.นี้ ซึ่งจะพยายามสรุปโดยเร็วที่สุด เพราะมีผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ถ้า ส.ส.คนใดมีหลักฐานข้อมูลข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในเรื่องนี้ ขอให้ส่งมาที่กระทรวงคมนาคมได้ทันที