ศาลสั่งคุก “ดีเจมะตูม” 2 เดือน ปรับ 2 หมื่น ละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดปาร์ตี้วันเกิด
ศาลสั่งคุก “ดีเจมะตูม” 2 เดือน ปรับ 2 หมื่น ละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จัดปาร์ตี้วันเกิด
พ.ต.ท.อดิศร แก้วโหมดตาด รองผกก.(สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ เปิดเผยภายหลังนายเตชินท์ พลอยเพชร หรือ “ดีเจมะตูม” ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ตามหมายเรียกเพื่อเข้าให้ปากคำกรณีการจัดงานปาร์ตี้วันเกิด ใช้เวลาการสอบสวนกว่า 30 นาที โดยดีเจมะตูมให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี และได้ยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ซึ่งจากการสอบปากคำไปก่อนหน้านี้กว่า 20 ปาก เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาดีเจมะตูม ในข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพียงข้อหาเดียว โดยข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท จำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือทั้งจำและปรับ โดยในวันนี้จะนำตัวส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไปทันที
ด้านทนายความของดีเจมะตูม กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพียงข้อหาเดียว ซึ่งเป็นความผิดฐานมั่วสุม นอกจากตัวดีเจมะตูมเอง ก็จะมีบุคคลอื่นด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการดำเนินคดีเช่นกัน
ด้านดีเจมะตูม กล่าวว่า ขอยอมรับผิดและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ ในส่วนของกระบวนการตรวจหาเชื้อโควิดนั้น ตอนนี้กักตัวครบกำหนดและผลการตรวจออกมาเป็นลบ 2 ครั้ง สามารถออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ยังต้องเว้นระยะห่างทางสังคม
ต่อมา ที่ศาลแขวงพระนครใต้ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีศาลแขวง 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องด้วยวาจานายเตชินท์ พลอยเพชร หรือดีเจมะตูม อายุ 31 ปี ในฐานความผิดพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 4,5,7,9,18,19 และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มี.ค. พ.ศ.2563 ประกาศเรื่องการขยายระยะเวลาการกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาญาจักร (คราวที่1) ลงวันที่ 28 เม.ย. พ.ศ. 2563 ,ประกาศฯ(คราวที่2) ลงวันที่ 26 พ.ค. พ.ศ.2563
ประกาศฯ(คราวที่3) ลงวันที่ 30 มิ.ย. พ.ศ.2563 , ประกาศฯ(คราวที่4) ลงวันที่ 29 ก.ค. พ.ศ.2563 , ประกาศฯ (คราวที่5) ลงวันที่ 28 ส.ค.พ.ศ.2563,ประกาศฯ(คราวที่6) ลงวันที่ 29 ก.ย. พ.ศ.2563 ประกาศฯ(คราวที่7) ลงวันที่ 28 ต.ค. พ.ศ.2563
ประกาศฯ (คราวที่8) ลงวันที่ 23 พ.ย. พ.ศ.2563 , ประกาศเรื่องการให้ข้อกำหนด ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ลงวันที่ 28 เม.ย. พ.ศ.2563 ,ข้อกำหนดที่ออกตามมาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 15 ) ลงวันที่ 25 ธ.ค. พ.ศ.2563 ข้อ1 และ ข้อ 3
โดยอัยการยื่นฟ้องด้วยวาจาสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 9 ม.ค.64 เวลากลางคืน ถึง 10 ม.ค. 64 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน ซึ่งอยู่ในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรและประกาศดังกล่าวยังมีผลใช้บังคับอยู่ จำเลยกับนายพรศักดิ์ อัจฉริยะประดิษฐ์ ,นายจารุกิตติ์ ศรีสวัสดิ์ ,นายกิตติ์ธเนศ บุญยชัยธนรัตน์ , น.ส.ชุติมา สินวิโรจน์ ,นายกษิภัท ถิระวรรณธร กับน.ส.จิราภรณ์ มหาวัตรและพวกอีก 27 คน ซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันกินเลี้ยงฉลองวันเกิดของจำเลย ที่บริเวณห้องพัก โรงแรมบันยันทรี ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.
อันเป็นการรวมกลุ่มกันของคนจำนวนมากถึง 34 คน ในห้องพักซึ่งเป็นห้องที่ปิดมิดชิด ทั้งยังมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งทำให้การควบคุมสติลดลง จนไม่มีการรักษาระยะห่างระหว่างกัน และไม่มีการสวมหน้ากากอนามัย อันเป็นการร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกันในสถานที่แออัดในเขตพื้นที่ที่ได้มีการประกาศกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ต่อมาวันที่ 19 ก.พ. จำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ
อย่างไรก็ตาม จำเลยกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำ แต่ขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวมในการป้องกันและควบคุมมิให้โรคระบาดแพร่ออกไปในวงกว้างซึ่งหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดของจำเลยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งสิ้น 9 คน รวมทั้งตัวจำเลยด้วย แต่คณะผู้สอบสวนโรค สำนักอนามัย ไม่ได้เปิดเผยชื่อผู้ติดเชื้อทั้งหมด เนื่องจากเป็นความลับตามกฎหมาย จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานหนักเพื่อให้เข็ดหลาบ
ก่อนเริ่มพิจารณา ศาลได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายความ จำเลยไม่มีและไม่ต้องการทนายความ จึงอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังและได้ดำเนินกระบวนการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โดยอธิบายสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ตลอดจนแนวทางทางในการบรรเทาความเสียหายแก่ผู้เสียหาย (ถ้ามี) ให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯพ.ศ.2548 มาตรา 9,18 ประกอบมาตรา 83 จำคุก 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน และปรับ 10,000 บาท
แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลย โดยจำเลยต้องมารายตัวต่อเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้งในกำหนด 1 ปี และห้ามมิให้จำเลยร่วมชุมนุมหรือทำกิจกรรม หรือมั่วสุมในสถานที่แออัดในลักษณะเช่นเดียวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ ภายในกำหนด 3 เดือน