ด่วน! ศาลสั่งคุก “เทพเทือก” 5 ปี-3 รมต. “กปปส.” ไม่รอด จ่อหลุดเก้าอี้ตาม ม.160
ด่วน! ศาลชั้นต้นสั่งคุก “เทพเทือก”-3 รมต. “กปปส." คดีล้มเลือกตั้ง "พุฒิพงษ์" อ่วมสุด เจอคุก 7 ปี จ่อหลุดเก้าอี้ ตามมาตรา 160
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ก.พ.64) ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวก เดินทางมายังตามที่ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษา คดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ กับพวกรวม 39 คน ฐานร่วมกันเป็นกบฏ และข้อหาอื่น ๆ กรณีชุมนุมขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้งส.ส.ทั่วไป บุกยึดสถานที่ราชการ ปิดกรุงเทพมหานคร (Shutdown Bangkok) ด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพมหานคร รวม 7 จุด
ขณะที่บรรยากาศในวันนี้ กลุ่มจำเลย ทยอยเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมีประชาชนมารอมอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจ และมีกำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาล และ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธิน ดูแลความเรียบร้อยบริเวณโดยรอบ โดยเพจในเฟซบุ๊ก “สื่อศาล” ซึ่งเป็นเพจที่ให้ข้อมูลข่าวสารของศาลยุติธรรมไปยังบุคลากรในองค์กรและสังคม ระบุ ในวันนี้ จะไม่มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาแต่อย่างใด
สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.2556-1 พ.ค.2557 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งคณะบุคคลชื่อ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือกลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพเป็นเลขาธิการ
โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลัง แบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรฐานเป็นกบฏ เพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบเพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง
รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไปเพื่อมิให้นายกรัฐมนตรีและ ครม.ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส. จากนั้น กปปส.จะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง
เช่น ทำเนียบรัฐบาล สตช. บช.น. สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่งเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 ม.ค.-2 มี.ค.57 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานคร (Bangkok Shutdown) ด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพมหานคร รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง
โดยการกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 135/1, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152
ทั้งนี้มีรายงานว่า ศาลได้มีคำพิพากษาจำคุก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 5 ปี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 7 ปี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 6 ปี 16 เดือน นายถาวร เสนเนียม 5 ปี น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 1 ปี ส่วนจำเลยที่เหลือ อยู่ในระหว่างการอ่านคำพิพากษา
อนึ่ง เป็นที่น่าจับตาในส่วนของ 3 รัฐมนตรี ทั้ง นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอีเอส , นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษา และนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ที่อาจต้องหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรี ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (7) ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า รัฐมนตรีต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท