“คนร.” ตั้งอนุกรรมการฯ แก้ไขปัญหา รัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง หนุนทำแผนฟื้นฟู อสมท. เสนอใน 30 วัน

“คนร.” ตั้งอนุกรรมการฯ แก้ไขปัญหา รัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง หนุนทำแผนฟื้นฟู อสมท. เสนอใน 30 วัน พร้อมเห็นชอบตั้งบริษัทลูก กฟน.-กฟผ. มุ่งยกระดับด้านพลังงาน


นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมมีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ เพื่อพิจารณากลั่นกรองและเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ โดยมีนายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คนร. เป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งจะกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.),องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ และ บมจ.อสมท (MCOT)

ทั้งนี้ ในส่วนของ อสมท. ที่ไม่สามารถปรับตัวให้ทันต่อการแข่งขัน มีปัญหาทั้งจากองค์กรและปัญหาทางการเงิน ซึ่งในอดีตสถานะทางการเงินค่อนข้างดี สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ แต่ปัจจุบันมีผลขาดทุนต่อเนื่อง ซึ่งทางสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแล ควรติดตามเร่งรัดอย่างใกล้ชิด และทำแผนเสนอต่อคณะอนุกรรมการฯ ภายใน 30 วัน

อย่างไรก็ตาม อสมท.ยังมีทรัพย์สินอยู่เป็นจำนวนมาก และเพิ่งจะมีภาระหนี้สินในช่วงหลัง ซึ่งเชื่อว่าถ้าเข้ามาอยู่ภายใต้การกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด จะสามารถฟื้นฟูได้โดยเร็ว

นางปานทิพทย์ กล่าวว่า จากเดิมมีรัฐวิสาหกิจ 7 แห่งที่อยู่ในแผนฟื้นฟู แต่ปัจจุบันธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ibank)ได้ออกจากแผนฟื้นฟูไปแล้ว แต่ยังให้กระทรวงการคลังติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนบมจ.การบินไทย (THAI) หลังจากกระทรวงการคลังลดสัดส่วนการถือหุ้น จึงทำให้พ้นสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ในวันนี้จึงมีการรายงานความคืบหน้าว่าการดำเนินการเป็นอย่างไรแล้ว สำหรับ อสมท เพิ่งมีมติวันนี้ให้จัดทำแผนมาเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อติดตามอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ที่ประชุม คนร. ยังได้เห็นชอบในหลักการของการจัดตั้งบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง ดังนี้

1.บริษัทในเครือของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) (บริษัท MEA Smart Energy Solutions จำกัด) เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการให้บริการให้คำปรึกษาการออกแบบ ติดตั้ง บำรุงรักษา และลงทุนด้านการบริหารจัดการระบบพลังงานทดแทน (Renewable Energy) และระบบพลังงานแบบอัจฉริยะ (Smart Energy) แบบครบวงจรเพื่อรองรับการเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดย กฟน. จะถือหุ้น 100% ของบริษัทในเครือดังกล่าว

2.บริษัทในเครือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อพัฒนาต่อยอดผลงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของ กฟผ. และกลุ่ม กฟผ. สู่เชิงพาณิชย์ และลงทุนในธุรกิจพลังงานเพื่ออนาคต (Future Energy) โดย กฟผ. จะถือหุ้น 40% ของบริษัทในเครือดังกล่าว และมี บมจ.ผลิตไฟฟ้า จำกัด (EGCO) และ บมจ.ราช กรุ๊ป จำกัด (RATCH) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ กฟผ. ร่วมถือหุ้นด้วยแห่งละ 30%

อีกทั้งที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบหลักเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ โดยกำหนดให้มีการประเมินผล การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจใน 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการดำเนินงานตามนโยบายและภารกิจตามยุทธศาสตร์ 2) ด้านผลการดำเนินงาน (การเงินและไม่ใช่การเงิน) และ 3) ด้านการบริหารจัดการองค์กรตาม Core Business Enablers ทั้ง 8 หัวข้อ และให้เริ่มใช้หลักเกณฑ์การประเมินผลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป เพื่อกำกับติดตามและเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งยกระดับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจให้เชื่อมโยงระหว่างความคาดหวังตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดกับความรับผิดชอบระดับองค์กรและระดับรายบุคคลของรัฐวิสาหกิจ

คนร. ได้รับทราบความคืบหน้าในการจัดทำแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นแผนที่จะกำหนดเป้าหมาย นโยบาย และทิศทางในการพัฒนารัฐวิสาหกิจในระยะ 5 ปี ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนต่างๆ ในภาพรวมของประเทศ โดยแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจจะมีระยะเวลาสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) และคาดว่าจะสามารถประกาศใช้ในช่วงต้นปี 2565 เพื่อให้รัฐวิสาหกิจนำไปประกอบการจัดทำแผนวิสาหกิจ 5 ปี และแผนปฏิบัติการประจำปีให้สอดคล้องต่อไป

Back to top button