นายกฯ เผยชะลอฉีดวัคซีน ตามคำแนะนำแพทย์ วอนหยุดดราม่า-สร้างประเด็นขัดแย้งการเมือง
นายกฯ เผยชะลอฉีดวัคซีน ตามคำแนะนำแพทย์ วอนหยุดดราม่า สร้างประเด็นขัดแย้งการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีการเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา ว่า ทางคณะแพทย์ได้ชี้แจงแล้วว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ โดยเฉพาะจากต่างประเทศอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่า บริษัทต้นทางจะต้องมีการช่วยอยู่แล้ว และเรื่องนี้คงใช้เวลาไม่นานนัก
นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ทุกคนฟังคำแนะนำจากคณะแพทย์ที่ได้มีมติร่วมกันแล้ว และจำเป็นต้องปฏิบัติตาม จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากที่สุด คือ ความปลอดภัยของประชาชน พร้อมย้ำว่า คงไม่ใช่นายกรัฐมนตรีทำงานเพียงคนเดียว แต่ทุกคนล้วนสำคัญต่อครอบครัวของตัวเองเหมือนเช่นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นทุกคนก็ต้องมีความปลอดภัย
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมที่จะเข้าไปรับการฉีดวัคซีน แต่เนื่องจากคณะแพทย์แจ้งขอชะลอไว้ก่อน จึงไม่สามารถไปรับวัคซีนได้
“ผมอยู่ถึงวันนี้ จะต้องกลัวอะไร ขอให้กำลังใจคณะแพทย์ สาธารณสุข และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อย โดยเฉพาะการบริหารจัดการการฉีดวัคซีน ที่ได้สั่งการให้เร่งฉีดเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งวันนี้ทราบว่า ฉีดได้แล้ว 30,000 โดส เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเหมาะสมตามปริมาณของวัคซีนที่มีอยู่ และเมื่อสถานการณ์ของวัคซีนอีกยี่ห้อหนึ่งคลี่คลาย ก็จะสามารถเพิ่มปริมาณการฉีดได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ การเร่งดำเนินการฉีดวัคซีน จะเป็นผลดีต่อการขับเคลื่อนประเทศในด้านการท่องเที่ยว ที่เกี่ยวเนื่องกับการจองห้องพัก โรงแรม และทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อความพร้อมในการเปิดประเทศ
ส่วนหลังจากนี้จะมีผลกระทบต่อวัคซีนล็อตต่อๆ ไปของแอสตราเซเนกาหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องรอฟังคำชี้แจงจากทางคณะแพทย์
“เรื่องนี้มีข่าวดราม่ากันในโลกออนไลน์ ซึ่งต้องถามว่าที่สาธารณสุขแถลงมานั้น มีความเข้าใจหรือไม่ เพราะหากไม่เข้าใจ จะทำให้เกิดความวุ่นวายในอนาคต เพราะสิ่งสำคัญจะต้องฟังข้อมูลจากคณะแพทย์ ที่ได้พิจารณาเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้ทุกคนหยุดและพอกับประเด็นนี้ อย่าให้ดราม่าแล้วทำให้เกิดความเสียหายทั้งหมด” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าสานต่อโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการต่างๆ ที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคมนี้แน่นอน โดยจะทยอยออกมาตรการต่างๆ มาตามลำดับ ซึ่งมีคณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณจากงบเงินกู้ที่จะนำมาใช้ แต่หลายโครงการต้องมีการชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วน ตรงกับความต้องการของประชาชน
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอโทษสื่อมวลชน จากกรณีที่ได้ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่ โดยระบุว่า ไม่ได้มีเจตนา และปกติก็เล่นกับสื่อแบบนี้อยู่แล้ว แต่ต่อไปนี้จะไม่ล้อเล่นอีก
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เป็นเรื่องของสภา ส่วนจะเกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มีธงแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องของประชาชนที่จะตัดสินใจ ซึ่งส.ส.บางส่วนแสดงความคิดเห็นแล้วว่าไม่กังวล ดังนั้นส่วนตัวก็ไม่มีความกังวล และเป็นไปตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมา และพร้อมจัดหางบประมาณการจัดทำประชามติให้ทั้ง 2 ครั้ง
พร้อมขอร้องว่า อย่าสร้างเป็นประเด็นความขัดแย้งอีก เพราะเรื่องนี้มีความขัดแย้งมามากแล้ว ไม่ใช่นำมาเป็นความขัดแย้งทั้งหมด จะยิ่งทำให้ประเทศมีความขัดแย้งในหลายๆ เรื่องพร้อมกัน ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่เหมาะสมในเวลานี้ เนื่องจากประเทศประสบปัญหาสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจ และหากสถานการณ์การเมืองเข้ามาอีก ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะอยู่อย่างไร จึงต้องเห็นใจคนอื่นบ้าง และแม้ว่าคน 66 ล้านคนคิดไม่เหมือนกันทั้งหมด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไกประชาธิปไตย หรือแม้แต่ส.ส.มีจำนวนถึง 500 คนก็ต่างความคิด
ส่วนการจัดกิจกรรมเดินทะลุฟ้า เวอร์ชั่น 2 ไปที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะทำอะไรก็ขออย่าทำผิดกฎหมาย และไม่ควรละเมิดสิทธิของคนอื่น ทั้งการใช้รถใช้ถนน ซึ่งตนเคยพูดหลายครั้งว่าประชาธิปไตยต้องไม่ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายมีไว้คุ้มครอง