“บช.น.” แนะเลี่ยงเส้นทางรอบสนามหลวง หลังม็อบ “REDEM” นัดชุมนุมใหญ่พรุ่งนี้!

“บช.น.” แนะเลี่ยงเส้นทางจราจรรอบสนามหลวง หลังม็อบ “REDEM” นัดชุมนุมใหญ่พรุ่งนี้!


พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) แจ้งว่า ตามที่ได้มีประกาศนัดรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณท้องสนามหลวงทางสื่อโซเซียลมีเดีย ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ในวันที่ 20 มีนาคม 2564 นั้น เนื่องด้วยบริเวณการรวมกลุ่มเพื่อชุมนุมฯ อยู่บริเวณถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักที่ประชาชนใช้ในการสัญจร ประกอบกับเวลาในการนัดชุมนุมฯ เป็นช่วงเวลาเร่งด่วน ดังนั้นจึงขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป จนเสร็จสิ้นการชุมนุม ดังนี้

1) เส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุมและควรหลีกเลี่ยง

1.1 ถนนราชินี (แยกพระอาทิตย์ – แยกผ่านพิภพ)

1.2 ถนนราชดำเนินใน (แยกผ่านพิภพ – แยกป้อมเผด็จ)

1.3 ถนนหน้าพระลาน (ตลอดสาย)

1.4 ถนนกัลยาณไมตรี (สะพานช้างโรงสี)

1.5 ถนนสนามไชย (แยกป้อมเผด็จ – วงเวียน นรด.)

1.6 ถนนท้ายวัง (วงเวียน นรด. – แยกท่าเตียน)

1.7 ถนนมหาราช (แยกท่าพระจันทร์ – แยกท่าเตียน)

1.8 ถนนพระจันทร์ (ตลอดสาย)

1.9 ถนนหน้าพระธาตุ (วงเวียนอาสา – แยกถนนพระธาตุ ตัดถนนพระจันทร์)

2) เส้นทางที่แนะนำให้ประชาชนไปใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านการจราจร

2.1 ถนนราชดำเนินกลาง

2.2 ถนนอัษฎางค์

2.3 ถนนเจริญกรุง

2.4 ถนนบำรุงเมือง

2.5 สะพานพระราม 8

2.6 สะพานสมเด็จพุทธยอดฟ้า

2.7 สะพานพระปกเกล้า

ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แถลงการเตรียมความพร้อมดูแลรักษาความสงบความเรียบร้อยกรณีผู้ชุมนุมกลุ่ม REDEM ประกาศนัดชุมนุมผ่านโซเซียลที่บริเวณสนามหลวง ในวันเสาร์ที่ 20 มี.ค. เวลา 18.00-21.00 น.ว่า สนามหลวงเป็นพื้นที่รับผิดชอบกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ตามประกาศห้ามชุมนุมตามประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นอกจากนี้ ในวันที่ 20 มี.ค.จะมีการเข้าสอบของนักเรียนหลายพื้นที่

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุด โดยได้มีการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนไว้รองรับสถานการณ์จำนวน 22 กองร้อย จากการข่าวยังไม่พบความรุนแรงแต่อย่างใด หากการชุมนุมไม่กระทบสถานที่สำคัญ ก็ไม่จะตั้งเครื่องกีดขวาง

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีกลุ่มการ์ดวีโว่ (We Volunteer) ก่อเหตุชิงตัวผู้ต้องหานายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ และพวกว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ชุดสืบสวนได้จับกุมนายปิยรัฐ พร้อมพวกที่บริเวณชั้น 5 ลานจอดรถ ห้างเมเจอร์รัชโยธิน ทั้งหมด 48 คน โดยระหว่างที่มีการควบคุมผู้ต้องหา มีกลุ่มการ์ดวีโว่บางส่วนเข้าทำร้ายตำรวจทุบทำลายรถตำรวจ แย่งชิงตัวผู้ต้องหาไปจากการควบคุมของเจ้าพนักงาน ต่อมาผู้ถูกจับกุมที่หลบหนีทั้งหมด 30 คน ได้มารายงานตัวที่ สน.พหลโยธิน พนักงานสอบสวนได้รับตัวและสอบปากคำ จากนั้นให้กลับโดยไม่ได้มีการควบคุมตัว

ต่อมาได้พิสูจน์ทราบแล้วยืนยันว่า ทั้ง 30 คน เป็นผู้ต้องหาที่หลบหนี จึงได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อหา ได้แก่ 1.ตามความผิด พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2.พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาตรา 34 (6) 3.ข้อหาเป็นอั้งยี่ และ 4.ข้อหาซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และมาตรา 210 ทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอยื่นคำให้การเป็นเอกสารภายในวันที่ 19 เม.ย. โดยพนักงานสอบสวนให้ทั้งหมดมารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 29 มี.ค. ที่ สน.พหลโยธิน

“ในจำนวน 30 คน มีผู้ต้องหา 3 คน อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ และพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติม ในข้อหาร่วมกันหลบหนีจากที่ควบคุม และ 1 ใน 3 ก่อเหตุทำลายทรัพย์สินและทำร้ายตำรวจ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างแจ้งข้อหาเพิ่มเติมด้วย เรามีการแบ่งการดำเนินการเป็น 4 คดี ได้แก่ อั้งยี่ซ่องโจร ผู้ต้องหาหลุดจากการควบคุม เรื่องการชุมนุม และคดียิงรถตำรวจ ผู้ต้องหาส่วนหนึ่งให้การว่าไม่ได้หลบหนี นั่งอยู่ ตำรวจก็ให้ความเป็นธรรม ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ ใครทำลายรถ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ต้องถูกดำเนินคดีไป ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน” พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าว

Back to top button