กรมศุลฯ ปรับเกณฑ์ยืดเวลาจอดเรือยอร์ช หนุนเก็บรายได้เศรษฐีต่างชาติ คาดสูงถึงปีละ 2 แสนลบ.
กรมศุลกากร ปรับเกณฑ์ยืดเวลาจอดเรือยอร์ช หนุนเก็บรายได้เศรษฐีต่างชาติ คาดสูงถึงปีละ 2 แสนลบ.
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ได้เชิญกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กรมสรรพากร กรมเจ้าท่า กองบังคับการตำรวจน้ำ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สมาคมธุรกิจเรือยอร์ชไทย ผู้ประกอบการมารีน่า และตัวแทนเรือมาหารือและซักซ้อมความเข้าใจ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับเรือสำราญและกีฬา ตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 29/2564 ในการสนับสนุนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำและเรือสำราญในภูมิภาคเอเซีย (Marina Hub of Asia) ตามนโยบายรัฐบาล
โดยได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับเรือสำราญและกีฬา ในการขยายระยะเวลาเรือยอร์ชให้อยู่ในไทยได้ 2 ปี 6 เดือน และให้เรือซุปเปอร์ยอร์ช ที่มีขนาดความยาวตั้งแต่ 30 เมตรขึ้นไป บรรทุกคนโดยสารได้ไม่เกิน 12 คน ตามประกาศกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้อง เข้ามาชั่วคราวได้
กรมศุลกากร ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติโดยเรือยอร์ช อันจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ โดยการแวะท่องเที่ยว เช่าท่าที่จอดเรือ (Marina) จ้างซ่อมบำรุงรักษาเรือ ใช้บริการโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายเสบียงอาหาร ฯลฯ รวมถึงการสร้างงานให้กับคนในพื้นที่ ได้แก่ การจ้างกัปตันและลูกเรือเพื่อดูแลเรือ การจ้างช่างซ่อมเรือ อีกทั้งเป็นการพัฒนาความรู้ด้านวิชาชีพเกี่ยวกับการซ่อมเรือและการเป็นกัปตันเรือ ส่งผลให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการใช้จ่ายในประเทศด้วย
ส่วนการให้เรือซุปเปอร์ยอร์ช ตามประกาศกระทรวงคมนาคมเข้ามาชั่วคราวได้นั้น จะทำให้เกิดการท่องเที่ยวของกลุ่มนักท่องเที่ยวเศรษฐีต่างชาติโดยเรือซุปเปอร์ยอร์ช ที่ต้องการมาท่องเที่ยวในเขตภูมิภาคเอเชีย และก่อให้เกิดเม็ดเงินจากการใช้จ่ายที่สูงมากของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศถึง 155 ล้านบาทต่อลำต่อปี และอาจมีการใช้จ่ายในประเทศสูงถึง 2 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งส่งผลให้เกิดการสร้างโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องและยังสอดรับกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ โดยมีกิจกรรมปฏิรูปที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock) อีกด้วย