“อนุทิน” ยันโควิดในศูนย์กัก ตม. พุ่ง ไม่ใช่ระลอกใหม่ เตรียมตั้งรพ.สนาม สโมสรตำรวจ รองรับ

“อนุทิน” ยันโควิดในศูนย์กัก ตม. พุ่ง ไม่ใช่ระลอกใหม่ เตรียมตั้งรพ.สนาม สโมสรตำรวจ รองรับ


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ยืนยันว่า จากตัวเลขที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากในศูนย์กักกันแรงงานต่างด้าวตามที่มีรายงานเมื่อวานนี้ (22 มี.ค.64) จำนวน 297 รายนั้น ไม่ใช่การแพร่ระบาดในระลอกที่ 3 ไม่อยากให้มองที่จำนวนยอดรวมของผู้ติดเชื้อ แต่ให้ดูว่าการกระจายไปอยู่นอกเหนือการควบคุมหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ไม่มีการกระจาย แต่เป็นการติดเชื้อเฉพาะกลุ่มหรือคลัสเตอร์ที่ระบบควบคุมสามารถไปดูแลได้

นายอนุทิน กล่าวว่า จากตัวเลขที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ ตราบใดที่สามารถค้นหาผู้ติดเชื้อได้และนำตัวเข้ามารักษาก็ถือเป็นการควบคุมโรคที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งคนเหล่านี้เป็นคนในวัยทำงานและมีอายุไม่มาก เมื่อไม่แสดงอาการก็ไม่ต้องให้ยารักษา และเมื่อครบเวลา 10 วันก็จะหายเอง ซึ่งเป็นธรรมดาของโรคโควิด-19 มีส่วนที่แรง แต่เมื่อถึงเวลาจะหายก็สามารถหายได้เอง

ขณะนี้ได้มีการประสานงานมาจากผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในการตั้งโรงพยาบาลสนามที่สโมสรตำรวจ เพื่อรองรับผู้ที่ติดเชื้อจากการลักลอบเข้าเมืองให้มาอยู่ภายใต้การควบคุมและเตรียมการบริหารจัดการอย่างดี ซึ่งทางตำรวจมีแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจดูแลอยู่แล้ว แต่หากมีการร้องขอเรื่องใดมาทางกระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมให้การสนับสนุน แต่ได้ให้คำแนะนำถึงแนวทางต่างๆ ว่าควรจะปฏิบัติกับผู้ที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลสนามอย่างไร

สำหรับโรงพยาบาลสนามดังกล่าวตั้งอยู่ในสโมสรตำรวจมีรั้วรอบขอบชิดและบริเวณใกล้เคียงก็ไม่มีชุมชนจึงไม่กังวล และการตั้งโรงพยาบาลสนามก็ต้องมีการรักษาระยะห่างกับชุมชนอาจจะเป็นกี่ร้อยเมตรหรือเป็นกิโลเมตร เช่นเดียวกับการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลที่ต้องเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร และส่วนใหญ่คนที่เข้าไปในโรงพยาบาลสนามก็คือผู้ที่ไม่แสดงอาการ ส่วนผู้ติดเชื้อที่มีอาการก็จะเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลัก เพื่อให้การรักษาตามขั้นตอนทางการแพทย์ ดังนั้นขอให้สบายใจและกรมควบคุมโรคก็ดูแลเรื่องนี้มาตลอดและต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักสำคัญที่สุด

นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) พัฒนาวิจัยวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดเชื้อตายว่า เป็นการพัฒนาร่วมกับสถาบันการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมได้รายงานว่า เป็นการพัฒนาจากเชื้อตายและใช้ไข่ไก่สด ซึ่งทางองค์การเภสัชกรรมมีโรงงานผลิตวัคซีน จึงมีการนำมาวิจัยและพัฒนาโดยการใช้ทุนขององค์การเภสัชกรรมเอง และวันนี้ได้มีการฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัครกว่า 100 คน ซึ่งกว่าจะมาถึงขั้นตอนนี้ได้จะต้องผ่านขั้นตอนตามมาตรฐาน และถ้าทำตรงนี้สำเร็จก็จะมีวัคซีนของประเทศไทยและมีคนไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี ซึ่งเบื้องต้นระบุว่าสามารถผลิตได้ 30 ล้านโดสต่อปี แต่ในอนาคตกำลังการผลิตอาจจะขยายเพิ่มขึ้นได้อีก

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ขอให้มั่นใจเรื่องวัคซีนนั้นไม่ใช่ประเด็นปัญหา แต่ตอนนี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร จึงจะเปิดประเทศได้ และต้องกระจายวัคซีนไปยังเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ภูเก็ต สมุย ซึ่งในเรื่องวัคซีนขณะนี้เป็นไปตามแผนและกำหนดการที่ได้วางไว้ ไม่มีอะไรล่าช้า ทุกอย่างสอดคล้องตามสถานการณ์ ในอนาคตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรมสำเร็จอาจจะมาเสนอให้ทางภาครัฐได้พิจารณาให้การสนับสนุนต่อไป

Back to top button