“สนพ.” เล็งใช้ “Demand Response” นำร่องธุรกิจขนาดใหญ่ หวังลดพีคไฟฟ้าลง 50MW ภายในปี 65
“สนพ.” เล็งใช้ “Demand Response” นำร่องธุรกิจขนาดใหญ่ หวังลดพีคไฟฟ้าลง 50MW ภายในปี 65
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์และทิศทางด้านพลังงานทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ (Energy Transformation) การพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับกิจการไฟฟ้าได้ส่งผลต่อรูปแบบและพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของผู้บริโภค
เช่น เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ ที่ผู้บริโภคสามารถผลิตพลังงานใช้เองได้จึงทำให้การบริหารจัดการพลังงานมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และอาจส่งผลต่อความผันผวนของระบบไฟฟ้าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กระทรวงพลังงานจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศให้มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพและเกิดความมั่นคง
สนพ.มีแนวคิดในการนำมาตรการการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response : DR) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่มีความยืดหยุ่น (Flexibility Resource) ประเภทหนึ่งมีต้นทุนต่ำ และเป็นทางเลือกลำดับแรกที่จะเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าภายในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานตามแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย พ.ศ.2558-2579 (แผนแม่บทฯ) และแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสมาร์ทกริดของประเทศไทยในระยะสั้น พ.ศ.2560-2564 (แผนขับเคลื่อนฯ)
ด้วยเหตุนี้ สนพ.จึงได้จัดทำโครงการเตรียมความพร้อมเพื่อนำร่องการพัฒนาธุรกิจการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response หรือ DR) อันเป็นหนึ่งในโครงการที่มีเป้าหมายการดำเนินการภายใต้แผนแม่บทฯ และแผนขับเคลื่อนฯ ด้านสมาร์ทกริด โดยมุ่งหวังให้เกิดการมีส่วนร่วมในการลดใช้พลังงาน และใช้กลไกด้านราคาเพื่อจูงใจให้ผู้ใช้ไฟฟ้าลดความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้าสูงสุด (ช่วงพีค)
โดยจะเริ่มนำร่องในกลุ่มผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดใหญ่ โดยตั้งเป้าการลดใช้ไฟฟ้าจากมาตรการ DR ให้ได้ 50 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 2565 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโปรแกรมการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response หรือ DR) ที่เหมาะสมในประเทศไทยก่อนใช้จริงต่อไป