“โฆษก สธ.” ยันไม่เลือกปฎิบัติ! ฉีดวัคซีน “คนไทย-ต่างชาติ” เท่าเทียม
“โฆษก สธ.” ยืนยันไม่เลือกปฎิบัติ! ลุยฉีดวัคซีนทั้งคนไทย และชาวต่างชาติในประเทศอย่างเท่าเทียม
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข 11 ในฐานะโฆษกฯ เปิดเผยถึงกรณีการฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยว่า ภาครัฐมีนโยบายฉีดวัคซีนโควิดให้ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินไทย ทั้งคนไทย ต่างชาติ ทูตานุทูต อย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติ เป็นไปตามหลักปฏิบัติทางการแพทย์และสาธารณสุข
“การฉีดวัคซีนให้กับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยนั้น รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนว่าการฉีดวัคซีนโควิดจะฉีดให้กับทุกคนในแผ่นดินไทยโดยความสมัครใจ ซึ่งหมายความว่า บุคคลใดที่อยู่ในประเทศไทยหากสมัครใจและมีข้อบ่งชี้ ไม่มีข้อห้ามก็จะได้รับการฉีดทั้งหมด” นพ.รุ่งเรือง กล่าว
สำหรับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประเทศนั้นจะต้องฉีดให้ได้อย่างน้อย 70% ของประชากรทั้งหมด หรือคิดเป็น 50 ล้านคน จากจำนวนคนไทย 67 ล้านคน และต่างชาติอีก 3 ล้านคน ซึ่งจะต้องใช้วัคซีนทั้งหมดจำนวน 100 ล้านโดส
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า การฉีดวัคซีนให้กับคนต่างชาติและคณะทูตานุทูต ยึดหลักการปฏิบัติแบบสากล ด้วยความเคารพและให้เกียรติกันและกัน จะไม่มีใครฉีดก่อนฉีดหลัง เป็นไปตามความสมัครใจ และข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และสาธารณสุข ยืนยันว่าทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินไทยจะได้ฉีดวัคซีนอย่างพร้อมเพรียงและใกล้เคียงกัน ซึ่งขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดบริการฉีดวัคซีน ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน และเปิดจุดบริการฉีดวัคซีนเพิ่มที่อาคารบางรัก ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง มีรถไฟฟ้าผ่าน เพื่ออำนวยความสะดวกอีกจุดหนึ่ง เนื่องจากอยู่ใกล้สถานทูตต่างๆ ที่พักอาศัยและที่ทำงานของชาวต่างชาติในประเทศไทย และเมื่อมีวัคซีนมามากในเดือนมิถุนายนก็จะมีจุดฉีดวัคซีนหลายจุดเพิ่มมากขึ้น
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า วันนี้ วัคซีนซิโนแวกเข้ามาในประเทศไทยอีก 1 ล้านโดส ทำให้ในเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนที่ได้รับวัคซีนค่อนข้างมาก โดยจะมีกระบวนการขั้นตอนในการตรวจเชิงคุณภาพ เช่น เอกสาร การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ใช้เวลาประมาณ 7 วัน จากนั้นจะเร่งกระจายวัคซีนไปฉีดให้กลุ่มเป้าหมายในจังหวัดต่างๆ และจะกระจายวัคซีนไปฉีดเพื่อควบคุมสถานการณ์ในจุดที่มีการระบาด เช่น เขตคลองเตย กทม.